เคพี ชาร์มา โอลี นายกรัฐมนตรีของเนปาล ประกาศลาออกจากตำแหน่งท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบครั้งเลวร้ายสุดของประเทศในรอบหลายทศวรรษ เนื่องจากความโกรธแค้นของประชาชนที่มีต่อการเสียชีวิตของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน 19 คน ระหว่างการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยเมื่อวันที่ 9 ก.ย. กลุ่มผู้ชุมนุมจุดไฟเผาอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ หลังนายกรัฐมนตรีลาออก เปลวเพลิงและกลุ่มควันดำลอยพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่ทำการรัฐบาลและบ้านพักของนักการเมืองตกเป็นเป้าโจมตีในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 22 คนแล้ว และมีนักโทษราว 900 คน อาศัยสถานการณ์ชุลมุน หลบหนีออกจากเรือนจำ 2 แห่งที่ตั้งอยู่ในเขตทางตะวันตกของประเทศ
การประท้วงในเนปาลเริ่มต้นขึ้นจากการห้ามใช้แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึง เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันข่าวปลอม Hate Speech และการฉ้อโกงทางออนไลน์ แต่ถูกวิจารณ์จากคนหนุ่มสาวว่า เป็นการจำกัดเสรีภาพการแสดงออก
แม้รัฐบาลเนปาลจะยกเลิกคำสั่งนี้เมื่อวันที่ 8 ก.ย. โดยให้เหตุผลว่า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มคนรุ่น Gen Z แต่การประท้วงได้ขยายตัวเป็นการเคลื่อนไหวของมวลชนขนาดใหญ่ไปแล้ว
ขณะที่ผู้บัญชาการกองทัพบกของเนปาลออกแถลงการณ์เมื่อข่วงค่ำวันที่ 9 ก.ย. กล่าวหาผู้ชุมนุมว่าใช้วิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นข้ออ้างบังหน้าในการปล้นสะดม เผาทำลายทรัพย์สินของราชการและเอกชน พร้อมเตือนว่า หากความไม่สงบยังคงดำเนินต่อไป หน่วยงานความมั่นคงทั้งหมด รวมถึง กองทัพ จะเข้าควบคุมสถานการณ์
แม้นายกรัฐมนตรีจะลาออกแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะขึ้นมารับตำแหน่งแทน และทิศทางการเมืองของเนปาลจะดำเนินต่อไปอย่างไร
ขณะที่โฆษกรัฐบาลเนปาล เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า กำลังเตรียมเริ่มกระบวนการสรรหาผู้นำคนใหม่แล้ว