สำนักข่าว เดอะ โคเรีย ไทมส์ รายงานว่า รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรทางการเงิน ต่อธุรกิจและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมในประเทศกัมพูชา ซึ่งดำเนินการค้ามนุษย์และหลอกลวงทางออนไลน์อย่างกว้างขวาง หลังพบว่าเหตุลักพาตัวชาวเกาหลีมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ถือเป็นท่าทีที่แข็งกร้าวที่สุดของรัฐบาลโซลจนถึงปัจจุบัน หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าดำเนินการล่าช้าในการรับมือกับปัญหาดังกล่าว
แหล่งข่าวจากหน่วยงานการเงินเผยว่า สำนักงานข่าวกรองทางการเงิน (FIU) ภายใต้คณะกรรมการบริการทางการเงินเกาหลีใต้ (FSC) กำลังพิจารณาขึ้นบัญชีบุคคลและธุรกิจที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการอาชญากรรมในกัมพูชาให้เป็นหน่วยงานที่ถูกจำกัด เพื่ออายัดทรัพย์สินและระงับธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล
เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลได้หารือร่วมกันเพื่อกำหนดนิยามขององค์กรอาชญากรรมในกัมพูชาและแนวทางตอบโต้ที่ชัดเจน
การเคลื่อนไหวของเกาหลีใต้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ หลังสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรประกาศคว่ำบาตร ปรินซ์กรุ๊ป และ ฮวยวันกรุ๊ป สองกลุ่มทุนใหญ่ในกัมพูชา ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน และการหลอกลวงไซเบอร์ขนาดใหญ่
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ขึ้นบัญชี ปรินซ์กรุ๊ป เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมตั้งข้อหา เฉิน จื้อ ซีอีโอชาวจีนของปรินซ์กรุ๊ป ฐานฉ้อโกงทางการเงินและฟอกเงิน ขณะเดียวกัน ฮวยวันกรุ๊ป ก็ถูกตัดขาดจากระบบการเงินของสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
แม้มูลค่าทรัพย์สินของทั้งสองกลุ่มในเกาหลียังไม่แน่ชัด แต่มีรายงานว่าตำรวจกำลังสืบสวนข้อกล่าวหา ปรินซ์กรุ๊ป ว่าอาจเปิดสำนักงานในกรุงโซล เพื่อใช้เป็นฐานรับสมัครแรงงานหลอกไปทำงานต่างประเทศ โดยพบบริษัทในเครืออสังหาริมทรัพย์ชื่อ “คิงเมน เรียล เอสเตต กรุ๊ป” (KINGMEN REAL ESTATE GROUP) เปิดทำการบนชั้น 16 ของอาคารแห่งหนึ่งในเขตกังนัมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ระหว่างการประชุมรัฐสภาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยู แจ-ซอง รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ตำรวจกำลังตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว เพื่อพิจารณาเปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการต่อเครือข่ายของ ปรินซ์กรุ๊ป ในประเทศ
หากมาตรการคว่ำบาตรถูกบังคับใช้จริง จะนับเป็นการเปลี่ยนทิศทางนโยบายครั้งสำคัญของเกาหลีใต้ ที่ก่อนหน้านี้เน้นการทูตมากกว่ามาตรการลงโทษอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกัน FIU ยังมีแผนขยายการตรวจสอบการฟอกเงินผ่านคริปโทเคอร์เรนซีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ครอบคลุมมากขึ้นภายในสิ้นปีนี้
ที่มา: The Korea Times