พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า วันนี้มีการประชุมคสช. มีการสรุปทบทวนแผนงานการปฏิบัติและการดำเนินการในระยะต่อไปเมื่อไม่มีคสช. จะทำอะไรอย่างไร ถือเป็นการทบทวนการปฏิบัติงานและดำเนินงานในเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อยุติ เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปเพื่อดำเนินการตามกลไกปกติ ทั้งนี้ คสช.จะหมดหน้าที่ลงในวันที่ครม.ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน คือประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ เป็นไปตามไทม์ไลน์ทุกประการ
ทั้งนี้ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ อธิบายคำพูดของตัวเองที่ระบุว่า ไม่อยากใช้วิธีการแก้ปัญหาเดิมๆ ซึ่งมีการตีความว่าอาจมีการรัฐประหารขึ้นมาอีก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่อยากให้ตีความลึกซึ้งไปถึงขนาดนั้น ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าปัญหาของเราเริ่มมาจากอะไร พอมีปัญหาเกิดขึ้นมา ในทางการเมืองก็เดินขบวน มีการขยายความรุนแรงกันมากขึ้น ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายกันมากขึ้น ทุกคนก็ไม่มีความสุข คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็เดือดร้อนไปด้วย ผมพูดเพียงแค่นั้น เพื่อไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอีก”
"ในเรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร หรือการปฏิวัติซ้อน ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แท้กระทั่งผมเองที่ทำมา ผมก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ในวันนั้น ผมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น เราจึงควรกลับมาแก้ปัญหาที่ถูกวิธีจะดีกว่า 5 ปีที่ผ่านมาก็ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน หลายอย่างก็ดี บางอย่างยังไม่เรียบร้อย แต่เราหยุดแค่นี้ไม่ได้้ ไหนๆก็ทำมาถึงวันนี้แล้ว ทุกคนก็ต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ต้องช่วยกัน เราต้องปฏิรูปทุกอย่างให้ไปด้วยกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า เกิดจากปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)มีความเห็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากถามว่าช้าอย่างไร ตนไม่เข้าใจ ถ้านับตามกรอบเวลาที่ผ่านมา ยังอยู่ในภายในกรอบเวลาการดำเนินการตามกรอบกฎหมาย 90-150 วัน ที่ผ่านมา เรามีงานพระราชพิธี วันนี้จึงยังไม่ได้มีการผิดเพี้ยนจากรอบเวลาเดิมเลย ซึ่งมีการตั้งไว้ในเดือนกรกฎาคม ขอร้องว่าอย่าไปบิดเบือนอะไรกัน และขอให้เข้าใจด้วยว่า เราต้องแก้ปัญหาของเราให้ได้