ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 70 ปี ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลุ่มผู้สนับสนุนที่อาศัยอยู่ในในประเทศสหรัฐอเมริกาได้จัดงานปาร์ตี้เพื่ออวยพรวันเกิด โดยนายทักษิณไดได้โฟนอินเข้า โดยในงานครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอาทิ นายจอม เพชรประดับ และ นายสุนัย จุลพงศธร อดีต ส.ส.
โดยนายทักษิณกล่าวว่า ขอบคุณที่ทุกคนมาอวยพรวันเกิด ตอนนี้ก็ 13 ปี แล้วที่ออกมาจากประเทศไทยซึ่งก็ยังไม่ลืมและยังเป็นห่วงกันอยู่ วันนี้อายุครบ 70 ดูแล้วก็ใจหาย แต่อายุเป็นเพียงตัวเลข
นายทักษิณกล่าวต่อว่า วันนี้ 70แลเวแต่ตนยังแข็งแรงและมีจิตใจที่ยังเข้มแข็ง ตนเป็นหนี้บุญคุณประชาชน เพราะทุกคนรักและห่วงใยตน พรรคที่สนับสนุนตนเอง เลือกตั้งทีไรก็ชนะตลอด ถูกโกงก็ยังทำได้ดีมาก แต้มสูงสุดแล้ว กำลังใจเหล่านี้แหละที่ทำให้อยู่ได้ รู้สึกซาบซึ้งใจ ที่ทุกคนมาอวยพร ก็ขอบคุณอีกครั้งขอให้สุขภาพแข็งแรงและรุ่งเรืองตลอดไป
“ทักษิณฯ” วางมือ? จับตาโฟนอิน เนื่องในวันเกิด 09.30 น.
“พล.อ.ประวิตร” ปัดบินอังกฤษเจรจา “ทักษิณ” วอนอย่าโยงเป็นเรื่องการเมือง
นายจอม ได้ถามถึงข่าวลือที่ว่าจะมีการวางมือทางการเมือง นายทักษิณกล่าวทีเล่นทีจริงว่า “มือต้องวางตลอด กินข้าวก็ต้องวาง นั่งก็ต้องวางบนหน้าขาไม่งั้นมันหนัก”
จากนั้นเขากล่าวอีกว่า “ผมไม่ได้มีบทบาทอะไรได้แต่ให้กำลังใจคนที่สนับสนุน อยู่เมืองนอกก็ต้องทำมาหากิน การเมืองเมืองไทยก็มีคนทำหน้าที่ของเขาแล้วสมพงษ์ (อมรวิวัฒน์) เป็นหัวหน้าพรรค สุดารัตน์ (เกยุราพันธุ์) เป็นประธานยุทธศาสตร์ เราไม่ต้องกังวล พรรคก็ไปได้ดี และประชาชนก็เข้าใจว่าพรรคนี้เป็นดีเอ็นเอเป็นสายเลือดที่ผมก่อตั้งตั้งแต่ไทยรักไทย ส่วนที่ออกไปอยู่ที่อื่นประชาชนก็ไม่ได้มองว่าเป็นไทยรักไทย เลือกตั้งก็แพ้ เที่ยวนี้ใช้กำลังภายในทุกรูปแบบก็ได้แค่นี้ ถือว่าพรรคที่เป็นดีเอ็นเอของเราก็ยังแข็งแรงกันดี เพราะเรายึดดีเอ็นเอเดิม ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง รักษาระบอบประชาธิปไตย จึงได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง”
“ประวิตร”ไม่ห้ามเพื่อไทยพบ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”ที่สิงคโปร์
ครอบครัวชินวัตร ถ่ายภาพร่วม ทักษิณ- ยิ่งลักษณ์ ที่สิงคโปร์
“ออกกฎหมายกติกากลั่นแกล้วยังไง ผมไม่เคยเห็นทหารยุคไหนขาดความเป็นลูกผู้ชายเหมือนยุคนี้ ผมคิดว่ามันไม่เท่ ชนะที่ปชช. เลือกมันเท่กว่า ให้กรรมการช่วยมันไม่เท่ ให้คนโกงมันไม่เท่ ไปไหนความนับหน้าถือตาก็ไม่มี”นายทักษิณกล่าว
นายทักษิณกล่าวต่อว่า ตนเป็นคนไทยเป็นอดีตนายกฯที่ห่วงประชาชน การแสดงความเห็นเป็นเสรีภาพพื้นฐานของมนุษย์ และเมื่อเรารักและห่วงใยประชาชน ประชาชนก็ห่วงเรา จะให้ลืมไปเลยเหมือนเราขาดความรับผิดชอบ
นายทักษิณระบุว่าตนเองมีสิทธิในฐานะมนุษย์คนหนึ่งในการพูดและวิจารณ์อะไรก็ได้ แต่ก็ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหรือไม่ควร พูดแล้วจะเสียหายประเทศ เราต้องแยกสามเรื่อง ประเทศสูงสุด แล้วก็ประชาชน และตัวแทนที่เข้ามานั่งบริหารประเทศหรือที่เรียกว่า Regime (ระบบการปกครอง) แต่อันหลังระยะหลังกจะใช้ทรัพยากรเพื่อรักษาเสถียรภาพให้ตัวเอง ต้องไม่รักษาระบบการปกครองมากกว่าประชาชน ความขัดแย้งที่ไม่จบเพราะต้องการรักษา Regime มากกว่าประชาชน
“ผู้มีอำนาจปกป้องตัวเองแต่พอถูกวิจารณ์ก็หาว่าไม่รักชาติ เรารักชาติแต่ไม่รักRegime มากกว่าเพราะ Regime ไม่ดี”นายกทักษินกล่าว
นายทักษิณกล่าวต่อว่า ที่น่าห่วงคือการบิดเบี้ยวกฎหมาย ประเทศไหนถ้าความยุติธรรมมันหายไป ความยุติธรรมเริ่มที่การออกกฎกติกา ให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่ให้คนเข้มแข็งรังแกคนอ่อนแอกว่า แต่ออกกฎหมายให้รังแก และใช้กฎหมายก็ใช้ด้วยการรังแก เริ่มต้นด้วยความตีความหน้าด้านๆ ตนกลัวที่สุด ความเก่งตนไม่กลัว แต่กลัวความหน้าด้าน เพราะหน้าเราไม่ด้านเท่าเขา ถ้าหน้าด้านมุดรูดีกว่า การตีความกฎหมายก็ดี การใช้กฎหมมายก็ดี ถ้าหน้าด้านไม่มีทางทำให้ประเทศสันติได้ เราอยากได้ผู้เล่นที่ยึดในกติกา อยากได้กติกาที่เป็นกลาง จะได้เล่นอย่างมีความสุข อยากได้กรรมการที่มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ อย่าเอาคนตะแบงหน้าด้านมาตีความกฎหมาย เพราะ rule of law หมายถึงเศรษฐกิจ หากไม่มีหลักนิติธรรมที่ดีเศรษฐกิจเจ๊งหมดเพราะคนไม่เชื่อถือ หากประเทศไทยยังปล่อยให้ทำกันอย่านี้สุดท้ายคือความยากจนของประชาชน ความทุกข์ ฝากผู้มีอำนาจหากไม่รักประชาชนจะอยู่ยาก หากไม่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางอยู่ยาก
เมื่อถามย้ำว่าจะวางมือทางการเมืองหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “เอาชัดๆนะ ผมยังเป็นคนไทย แม้จะถูกยึดพาสปอร์ต ผมยังมีหัวใจ คิดตลอดว่าผมต้องทำหน้าที่ช่วยประเทศไทยและคนไทย แต่ผมไม่ได้ปกป้อง Regime ที่ไม่ดี “
นายทักษิณกล่าวว่า บริษัทกว่าจะเลือก CEO ได้ เขาต้องฮันเตอร์ไปหา แต่บ้านเราอยู่ดีๆให้หัวหน้ายามเป็น CEO