หลังตำรวจควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหา ที่วางวัตถุระเบิดที่ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม มาสอบปากคำเพิ่มเติม วันนี้ได้นำตัว 1 ในผู้ต้องหามาให้พยานชี้ตัวพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมแจ้งข้อหาก่อการร้ายเพิ่มเติม ส่วน พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า ตำรวจออกหมายจับเพิ่มอีก 3 คนวันนี้ และมีข้อมูลว่ามีรูปแบบการสั่งการมาจากประเทศเพื่อนบ้าน
ผู้ต้องหาที่ถูกนำมาชี้ตัววันนี้ คือ นายวิลดัน มาหะ อายุ 29 ปี หนึ่งในสองคนที่ถูกจับกุมตัวที่แยกปฐมพร จ.ชุมพร เมื่อคืนวันที่ 1 สิงหาคม หลังปรากฎอยู่ในภาพกล้องวงจรปิดว่าเป็นผู้นำวัตถุระเบิดมาวางที่หลังป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพนักงานสอบสวนในคดีนี้ นำตัวนายวิลดันไปปะปนกับผู้ต้องหาในคดีอื่นรวมเป็น 6 คน และให้พยานที่เห็นเหตุการณ์ 3 คน ชี้ตัวคนละ 2 ครั้ง ซึ่งพยานชี้ตัวนายวิลดันทุกครั้ง ก่อนจะคุมตัวนายกลับห้องขัง
ส่วนการดำเนินคดี พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อแจ้งข้อหา "ก่อการร้าย" เพิ่มเติม โดยระหว่างการควบคุมตัว ผู้ต้องหายังมีท่าทีที่ผ่อนคลาย สามารถกินอาหารและทำพิธีทางศาสนาได้ตามปกติ แต่ยังไม่มีใครติดต่อเพื่อขอเข้าเยี่ยมนายวิลดัน โดยในวันพรุ่งนี้(15ส.ค.) จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปขออำนาจฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในเวลาไม่เกิน 12.00 น.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 3 คน แต่ยังคงเป็นเพียงระดับปฏิบัติการ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ระเบิดกรุงเทพมหานคร มีการประชุมสั่งการจากประเทศเพื่อนบ้านใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ใช่” ส่วนคำถามว่าไทยจะต้องประสานกับมาเลเซียหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี ตอบเพียงว่า ปล่อยให้ตำรวจดำเนินการก่อน
นายวิลดัน ถูกจับกุมพร้อมกับนายลูไอ แซแง หลังปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยใส่หมวก แว่นตาดำ และหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ก่อนตำรวจจะตามภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าทั้ง 2 คน เปลี่ยนเครื่องแต่งกายทั้งชุดหลายครั้ง ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งระชาติระบุว่ามีเสื้อผ้า รองเท้า หมวก อยู่ในกระเป๋าอย่างละ 5 ชุด จากนั้นจึงถูกนำตัวไปสอบปากคำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนหน้า จ.ยะลา เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับคดีที่มีประวัติอยู่ใน จ.นราธิวาส และนำตัวกลับมาที่กรุงเทพมหานครเมื่อวานนี้
"ประวิตร" ยืนยัน ระเบิด 5 จุด มุ่งหวังป่วนสร้างสถานการณ์