เมื่อวันที่ (22 ส.ค. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยก่อนหน้านี้อัยการชุดเดิมเคยมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต จะปฏิเสธความรู้เห็น และแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานอัยการที่นำชื่อไปแอบอ้าง จนมีอัยการ จ.ภูเก็ต 2 คน ถูกสั่งย้าย
ช่วงหนึ่งของการสนทนา ระหว่างฝ่ายหญิงที่ชื่อ “ตูน” กับฝ่ายชายที่บ่งบอกว่า เป็นบุคคลที่มีความสามารถช่วยทำให้คดีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถมีคำสั่งไม่ฟ้องได้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นตัวเลข 7 หลัก 2 ตัว ตามที่พนักงานอัยการที่มีหน้าที่ให้ความเห็นในคดีร้องขอ ก่อนที่อัยการจะส่งความเห็นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
ชายคนนี้ ซึ่งต่อมามีคำพูดที่บ่งบอกว่าเป็นระดับหัวหน้าของพนักงานอัยการที่ให้ความเห็นในคดี ยังอ้างว่า พนักงานอัยการคนดังกล่าว เป็นคนที่ต่อรองยาก และมีตำแหน่งหน้าที่ในศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) พร้อมระบุว่า อัยการคนดังกล่าว ทำความเห็นไว้ทั้ง 2 รูปแบบแล้ว คือ ทั้งสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้อง เพื่อเสนอไปให้ผู้ว่าฯและรองผู้ว่าฯภูเก็ตพิจารณา โดยอ้างว่าได้แจ้งต่อผู้ว่าฯภูเก็ตทราบแล้ว ขึ้นอยู่กับทางฝ่ายบริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าจะไปเสี่ยงสู้คดีเองหรือจะจ่ายเงินเพื่อจบคดี พร้อมข่มขู่ว่า หากมีความเห็นสั่งฟ้อง เจ้าของบริษัทที่เป็นนักธุรกิจชาวต่างชาติ จะต้องถูกห้ามออกนอกประเทศไทย และถูกขึ้นบัญชีดำเกี่ยวกับการทำธุรกรรมต่างๆ
“เขาพูดหวาน แต่เรื่องคดีเขาชัดเจน ต้องใช้คนที่มีความสัมพันธ์คุยกับฝ่ายปกครองได้ รองผู้ว่าฯสุพจน์ทำ แต่ผู้ว่า - รองผู้ว่า รู้หมดแล้ว ต้องรู้ทั้งเบอร์ 1 เบอร์ 2”
เมื่อคลิปนี้ถูกเปิดเผยออกมานายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ชี้แจงเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า หญิงที่อยู่ในคลิปเสียงได้มาพบ พร้อมนำคลิปเสียงบทสนทนานี้มาเปิดให้ฟัง เพื่อสอบถามว่าจริงหรือไม่ และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงได้มอบหมายให้ นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าฯ ซึ่งถูกชายในคลิปพาดพิงถึงด้วย ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว พร้อมยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ และคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2555 จึงไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน ยังไม่มีเอกสารใดๆส่งมาที่จังหวัด จึงเชื่อว่าถูกบุคคลที่อยู่ในบทสนทนานำชื่อไปแอบอ้าง
ผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ต ให้ข้อมูลเพิ่มว่า คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งบริษัทของหญิงที่ชื่อตูน มีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ ถูกกล่าวหาว่าแผ้วถางบุกรุกในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และนายอำเภอถลาง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในขณะนั้น มีความเห็นสั่งฟ้องดำเนินคดี แต่ในชั้นอัยการกลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งในขั้นตอนทั่วไป อัยการจังหวัด จะต้องส่งความเห็นมาให้ผู้ว่าฯพิจารณาว่าจะเห็นตามหรือเห็นแย้งกับอัยการ แต่อัยการจังหวัดในเวลานั้น กลับส่งเรื่องไปที่ตำรวจภูธรภาค 8 แทน
ต่อมา ตำรวจภูธรภาค 8 แสดงความเห็นแย้งกับอัยการ คือ มีความเห็นควรสั่งฟ้อง และส่งต่อไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด แต่สำนักงานอัยการสูงสุด วินิจฉัยพบว่า เรื่องนี้ถูกส่งไปผิดที่ เพราะไม่ใช่อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงส่งเรื่องกลับมาให้สำนักงานอัยการจังหวัด เพื่อเสนอมายังผู้ว่าราชการจังหวัดตามขั้นตอนที่ถูกต้อง แต่จากคลิปเสียงจะเห็นได้ว่า ในขั้นตอนนี้กลับมีความพยายามไปเจรจาเรียกรับผลประโยชน์โดยพาดพิงถึงผู้ว่าฯภูเก็ต ซึ่งยืนยันว่า ยังไม่เคยพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
และเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ออกคำสั่งให้พนักงานอัยการช่วยราชการ ปฏิบัติราชการ และรักษาราชการ 11 ราย โดยมีชื่อของ นายธรรมะ สอนใจ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สํานักงานอัยการภาค 4 พ้นจากรักษาการในตําแหน่ง อัยการจังหวัดภูเก็ต และให้ช่วยราชการสํานักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ และนายวันฉัตร ชุณหถนอม อัยการจังหวัดประจําสํานักงานอัยการสูงสุด สํานักงานอัยการ จังหวัดภูเก็ต ช่วยราชการสํานักงานคดีศาลแขวง ปฏิบัติราชการสํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 2