รถยนต์โดยสารไฟฟ้า EV หรือ รถเมล์ไฟฟ้าปรับอากาศ ยี่ห้อ Thai Ev รุ่น EV-L1 ขนาด 8.5 เมตร สำหรับผู้โดยสาร 24 ที่นั่ง ชาร์ตไฟ 1 ครั้ง ใช้งานได้ 200 กิโลเมตร มีการออกแบบลักษณะ Universal Design รองรับการใช้งานของผู้พิการ แล่นออกไปให้บริการทดลองให้ประชาชนในเขตรอบกรุงเทพมหานครใน 3 เส้นทาง
เส้นทางที่ 1 สาย 129 อู่บางเขน-สำโรง
เส้นทางที่ 2 สาย A1 สนามบินดอนเมือง- สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร)
เส้นทางที่ 3 สาย 522 อู่รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คิดค่าบริการตามปกติ โดยใน 3 เส้นทางให้บริการรวม 45 วัน ตั้งแต่ 4 กันยายน ถึง 18 ตุลาคม 2562
นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เปิดเผยว่า การทดลองเดินรถเมล์ไฟฟ้าในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 เป็นความร่วมมือกับเอกชน โดยครั้งนี้เป็นรถเมล์ไฟฟ้าของบริษัท ไทยอีวี จำกัด จำนวน 1 คัน ทดลองวิ่งใน 3 เส้นทาง ทั้งระยะสั้นและระยะไกล ก่อนที่ขสมก. จะนำข้อมูลและสถิติการเดินรถไปประกอบการพิจารณาจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้าปรับอากาศ จำนวน 35 คัน ตามแผนฟื้นฟูของขสมก.
นายประยูร ยังกล่าวว่า ตามแผนฟื้นฟูของขสมก.จะต้องทยอยเปลี่ยนรถโดยสารให้บริการประชาชน รวม 2,188 คัน ซึ่งในจำนวนนี้แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ รถเมล์ NGV เช่า 400 คัน รถเมล์ไฮบริด เช่า 300 คัน รถเมล์ไฮบริด ซื้อ 1,453 คัน และ รถเมล์ไฟฟ้า 35 คัน โดย กลุ่มรถเมล์ NGV และ รถเมล์ไฮบริด เช่า รวม 700 คัน คาดว่าจะเริ่มกระบวนการเปลี่ยนได้ภายในสิ้นปี จากนั้น ก็จะเริ่มเปลี่ยน รถเมล์ไฟฟ้า และรถเมล์ไฮบริด ตามลำดับ
สำหรับจุดเด่นของรถเมล์ไฟฟ้า คือ ก่อให้เกิดมลพิษน้อย ประหยัดพลังงาน ส่วน ข้อจำกัด คือ มีราคาสูง ซึ่งหากเป็นสเป็คของขสมก. มีราคาสูงถึง 12 ล้านต่อคัน ซึ่งสูงกว่ารถเมล์ประเภทอื่น แต่หากพิจารณาในระยะยาวมีความคุ้มค่ามากกว่า โดย นายประยูร ระบุว่า การทดลองวิ่งให้บริการรถไฟฟ้าของขสมก.ในครั้งนี้ ยังสามารถข้อมูลนำไปเสนอเพื่อปรับแผนการฟื้นฟูสัดส่วนรถเมล์ประเภทต่างๆได้ ตามความคุ้มค่าและเหมาะสม
