จากกรณีมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย แบนสารเคมี 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอันตรายชนิด 4 คือ ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย และครอบครอง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ธ.ค. 2562 แต่ยังคงมีปัญหาในทางปฏิบัติ ทำให้มีข้อเสนอจากกรมวิชาการเกษตรให้ชะลอการยกเลิกสารเคมี 3 ชนิดออกไปอีก 6 เดือน โดยคณะกรรมการวัตถุอันตราย จะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 27 พ.ย.นี้
“อนุทิน” ลั่น ไม่เห็นด้วยแบนสารเคมีเกษตร เชิญฟ้องศาลปกครอง
วันที่ 25 พ.ย.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข ยังคงยืนยันตามเจตนารมย์ ห่วงสุขภาพประชาชน และคำนึกถึงผลกระทบจากการใช้สารเคมีที่เกิดขึ้น โดยยืนยันตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่มติเป็นเอกฉันท์ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนำเรื่องประชาพิจารณ์ มาใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาเรื่องการแบน 3 สารเคมี ร้อยละ 75 ไม่เห็นด้วย แต่ต้องเคารพมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายหรือไม่ ต้องดูกฎ กติกาว่า การจะกลับมติทำอย่างไร เพราะในสภาผู้แทนราษฎรก็เห็นชอบแล้วกับเรื่องการแบน 3 สารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน ถึง 423 เสียง
เกษตรกรจ่อร้องศาลปกครอง หลังมีมติแบน 3 สารเคมีเกษตร
ด้านนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากกรมต่างๆ ทั้งกรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประชุมร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ ทั้งหมดยืนยันจุดเดียวกันในฐานะหน่วยงานที่ดูแลเรื่องสุขภาพประชาชน คือ ยืนยันต้องแบน 3 สารเคมีอันตรายทางการเกษตร และขอข้ำว่า สารเคมีอันตรายควรเลิกใช้ทันทีไม่ควรขยายเวลาออกไป เพราะสุขภาพประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ปัจจุบันเฉพาะผู้ป่วยที่ยืนยันว่าป่วยจากการได้รับสารพิษที่เห็นชัดเจนมีมากถึง 6,075 คน คิดเป็น 10.04 ต่อแสนประชากร ประมาณการณ์ว่าสารเคมีเป็นเหตุให้ประชาชนเสียชีวิตมากถึง 600 คนต่อปี เจ็บป่วยราว 5,000 คนต่อปี ไม่นับรวมการเจ็บป่วยทางอ้อมและเจ็บป่วยเรื้อรัง สอดคล้องกับข้อมูล สปสช.ที่ดูแลผู้ป่วยสิทธิ์บัตรทอง ที่พบว่าขณะนี้ระบบต้องใช้เงิน ราว 22 ล้านบาท รักษาโรคที่เห็นชัดว่าเกิดจากสารเคมี และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นจากการเจ็บป่วยทางอ้อมและการเจ็บป่วยสะสม นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงพิเศษที่ไวต่อสารเคมี นั่นคือกลุ่มทารกในครรภ์มารดา ปี 2562 นี้พบทารกร้อยละ 33 มีพัฒนาการล่าช้า ทั้ง IQ EQ พบมีความชุกมากโดยเฉพาะ 11 จังหวัดที่มีการทำการเกษตร 4 พืชเศรษฐกิจหลัก ทั้ง ข้าว อ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง โดยใช้สารเคมี ดังนั้นหากยืดเวลาการยกเลิกใช้ 3 สารเคมีออกไปอีกเกรงผลเสียเกินจะแก้ไข
“มนัญญา” รับมีฝ่ายต้านไม่เลิกใช้ 3 สารเคมี การเกษตร