พ่อคนขายขนมจีบเผยลูกสาวรับมาขายต่ออีกทอด ยันไม่เคยค้างคืน
น.ส.มิ้นท์ (สงวนชื่อและนามสกุลจริง) แม่ค้าขนมจีบ วันนี้เดินทางมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน พร้อมกับตำรวจ หลังก่อนหน้านี้มีการประกาศหาตัวเธอในโลกออนไลน์ทำให้เธอเข้าพบตำรวจ เธอให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ขนมจีบทั้งหมดที่นำมาขาย ไม่ได้ทำเอง แต่รับมาจากแม่ค้าขายส่งในพื้นที่ ต.เกาะไร่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ทุกวัน เวลาประมาณ 6.00 น. วันละ 10-15 กล่อง มาขี่รถจักรยานยนต์เร่ขายตามตรอกซอกซอยใน จ.สมุทรปราการ โดยไม่ได้รับเฉพาะขนมจีบอย่างเดียว แต่ยังมีขนมที่รับมาจากร้านอื่น เช่น ก๋วยเตี๋ยวหลอด สาคู มาขายด้วย ปกติก็จะขายหมดก่อนเที่ยงทุกวัน ไม่เคยมีขนมเหลือค้างคืน และรับขนมจีบจากเจ้าเดิมขายมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหาลูกค้าป่วย เมื่อเกิดเหตุขึ้นตนก็รู้สึกเสียใจและพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ส่วน นางสุวรรณี รูปโลก แม่ค้าขายส่งขนมจีบ ที่เป็นคนทำขนมจีบให้ น.ส.มิ้นท์ รับไปขายต่อ วันนี้เปิดบ้าน ให้ทีมข่าวเข้าไปดูพื้นที่ทำขนมจีบ พร้อม โชว์น้ำจิ้มขนมจีบให้ผู้สื่อข่าวดู หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ต้นเหตุของการท้องเสียอาจเกิดจากน้ำจิ้ม โดยนางสุวรรณี ยืนยันว่าน้ำจิ้มสูตรนี้ทำสดใหม่ทุกวัน เหลือค้างอย่างมากไม่เกิน 2 วัน โดยเป็นน้ำจิ้มที่ผสมเองจาก น้ำส้มสายชู ซอสฝาเขียว ซีอิ้วขาว น้ำตาลปี๊ป น้ำตาลทราย เเละพริกขี้หนู ขณะที่ขนมจีบก็ทำสดใหม่ วันละ 40-50 กล่อง กล่องละ 7 ลูก ทั้งตัวขนมจีบและน้ำจิ้มไม่ใส่สารกันบูด
หากไล่เรียงข้อมูล หญิงวัย 66 ปีที่เสียชีวิต ซื้อขนมจีบ จากน.ส.มิ้นท์ ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ประเด็นนี้ นางสุวรรณี ตั้งข้อสังเกตว่า ในวันดังกล่าว น.ส.มิ้นท์ มารับขนมจีบไป 15 กล่อง ส่วนที่เหลืออีกกว่า 20 กล่อง ตนเองขายให้คนในละแวกบ้าน และมีร้านอื่นรับไปขายต่อ แต่ก็ไม่มีใครมีอาการป่วย มีแต่กรณีที่ซื้อจาก น.ส.มิ้นท์ เท่านั้น
นอกจากนี้ในวันที่ 7-8 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันพฤหัสและศุกร์ ตนเองหยุดร้าน ไม่ทำขนมจีบเนื่องจากไม่สบาย แต่กลับมีผู้ป่วยที่บอกว่าซื้อขนมจีบในวันพฤหัส ซึ่งตนเองก็สงสัยว่าจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อวันนั้นตนไม่ได้ขาย
แม้นางสุวรรณีจะยืนยันว่าหยุดขายวันที่ 7-8 พฤษภาคม แต่ฝั่งผู้ซื้ออย่าง น.ส.แสนสายแก้ว คงคล้าย ยืนยันว่า ตนเองซื้อขนมจีบจากแม่ค้ารูปร่างอวบที่ขี่รถจักรยานยนต์มาขายหน้าบ้าน ในวันพฤหัสที่ 7 พฤษภาคม เวลาประมาณ 11.00 น. โดยซื้อขนมจีบไป 3 กล่อง แบ่งกันกินกับครอบครัวทั้งหมด 6 คน ทานไปเพียงคนละ 1-2 ลูกเท่านั้น ต่อมาเช้าวันศุกร์ ทุกคนที่กินขนมจีบเข้าไปเริ่มมีอาการป่วยคือ มีไข้ ปวดท้อง ท้องเสีย และอาเจียน ทั้งหมดจึงไปตรวจที่โรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่าอาหารเป็นพิษ
น.ส.แสนสายแก้ว เล่าต่อว่า ตนเองมีอาการไม่รุนแรงมาก คือถ่ายท้องเกือบ 20 รอบต่อวัน ซึ่งหมอฉีดยาให้และให้ยามากิน จนวันนี้มีอาการดีขึ้น ไม่ถ่ายท้องแล้ว แต่คนที่อาการหนักคือยาย อายุ 63 ปึ ที่มีอาการมึนหัวและหมดแรงร่วมด้วย จนหมอต้องให้น้ำเกลือและให้นอนค้างที่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการรักษา แต่เบื้องต้นทราบจากหมอว่าได้นำอุจจาระของยายไปตรวจ พบเชื้อโรคว่า 100 ตัว
ส่วนครอบครัวของนางธนู ช้างภู่พะงางาม อายุ 66 ปี ที่เสียชีวิต หลังกินขนมจีบและท้องเสีย วันนี้จัดงานรดน้ำศพ ภายในงานนอกจากญาติและเพื่อนบ้านจะเดินทางมาร่วมงานแล้ว นายประเสริฐ อ้นเจริญ อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นสามีของนางธนู ซึ่งกินขนมจีบอยู่กับนางธนู ขออนุญาตแพทย์ออกมาร่วมงานรดน้ำศพภรรยา เนื่องจาก นายประเสริฐมีอาการท้องเสียเหมือนกัน และยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
ขณะที่หลานสาววัย 13 ปี ของนายประเสริฐ เป็นอีกคนที่กินขนมจีบแล้วท้องเสีย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กินขนมจีบเข้าไป 3 ลูก ก่อนจะท้องเสียในเวลากลางคืน รวมถึงมีอาการเวียนศีรษะ และ อาเจียน หลังไปโรงพยาบาล หลังแพทย์ตรวจรักษาก็บอกว่า สาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรง หลังแพทย์ฉีดยาให้ อาการก็เริ่มดีขึ้น จึงให้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน
สำหรับขนมจีบและน้ำจิ้มจากร้านนางสุวรรณา ล่าสุด ที่เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรามาดูสถานที่บ้านที่ทำขนมจีบ เก็บตัวอย่างน้ำจิ้มไปตรวจสอบ ส่วนขนมจีบไม่ได้เก็บตัวอย่างไปเนื่องจาก ที่บ้านของนางสุวรรณาไม่เหลือขนมจีบแล้ว แต่ก็มีผู้เสียหายบางคนเก็บขนมจีบไว้รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หลังจากนี้ต้องรอตรวจสอบตัวอย่างว่าจะพบสารปนเปื้อนหรือไม่
ตามหาแม่ค้า "ขนมจีบมรณะ" กินแล้วท้องเสียกว่า 20 คน เสียชีวิต 1 คน