เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบให้ปลัดกระทรวงคมนาคม, สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และบอร์ด การบินไทย ไปทบทวนแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทยให้สมบูรณ์ และชัดเจน โดยต้องพิจารณาว่าสามารถทำได้ตามแผนฟื้นฟูหรือไม่ และต้องอธิบายเรื่องที่เป็นความเสี่ยงได้ด้วย พร้อมให้รายงานกลับมาให้ทราบวันที่ 21 พฤษภาคมนี้
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี การบินไทย ที่มีข้อเสนอเข้าสู่กระบวนการ ล้มละลาย ว่า เรื่อง ล้มละลาย เป็นหนึ่งในแนวทางแก้ไขปัญหา แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะอยู่ที่ ครม.ตัดสินใจอย่างไร อย่างไรก็ตามในการฟื้นฟูไม่จำเป็นจะต้องไปสู่กระบวนการล้มละลายก็ได้ เรื่องนี้ต้องหารือกันระหว่างกระทวงการคลังและกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอ ครม.
ล่าสุด สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การบินไทย ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ โดยย้ำว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การบินไทย และพนักงาน การบินไทย พร้อมให้ความร่วมมือแผนฟื้นฟูบริษัท การบินไทย นายนเรศ ผึ้งแย้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การบินไทย กล่าวว่า จากจุดยืนของสหภาพฯที่ไม่ต้องการให้แยกหน่วยธุรกิจเป็นบริษัทลูก เราจะให้ผ่อนคลายข้อนี้เพื่อให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้ เพราะเป็นทางรอดของบริษัท ส่วนกระแสข่าวที่การบินไทยอาจต้องยื่นขอล้มละลาย ระบุว่า เราไม่มีทางเลือกอื่น อะไรที่เป็นทางอยู่รอด หากรัฐบาลหรือสังคมมองว่าดีที่สุดสำหรับเราก็ต้องยอมรับความเป็นจริง เนื่องจากองค์กรการบินไทยขาดสภาพคล่องอย่างหนัก
เอเยนต์ขายตั๋วบินไทย แจงปมผลประโยชน์ค่าคอมฯ
ทั้งนี้กรณีที่มีการกล่าวหาว่า 5 เอเย่นต์ขายตั๋วเครื่องบินไทย ได้รับผลประโยชน์ หรือ ค่าคอมมิชชันจากการขายตั๋วปีละ 18,000 ล้านบาท ล่าสุดนายชูติวุฒิ สุวานิชย์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาแจ๊สติกแทรเวล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ออกมาชี้แจงว่า การจ่ายค่าคอมมิชชันสูงถึง 18,000 ล้านบาท ไม่เป็นความจริง เนื่องจาก การบินไทย ได้ยกเลิกค่าคอมฯมาตั้งแต่ปี 2562 จากที่เคยให้ 5% โดยให้เอเยนต์บวกค่าบริการกับลูกค้าเอง และปีที่ผ่านมาการบินไทยมีรายได้จากการขายตั๋วที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเพียง 30,000 ล้านบาทเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทการบินไทยขาดทุน
สำหรับค่าคอมมิชชันแต่เดิมเอเยนต์ได้คอมมิชชั่นจากหน้าตั๋ว 9% จนถึงปี 2543 จากนั้น ได้มีการปรับลดคอมมิชชันเหลือ 7% จนถึงปี 2551 ได้มีการปรับเหลือ 5% และถึงปี 2562 จึงได้ยกเลิกค่าคอมฯ หรือ Zero Commission และให้เอเยนต์บวกค่าบริการจากลูกค้าเอง