จากกรณี น.ส.นันทวรรณ คุ้มศิริ อายุ 35 ปี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานรายวันอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในย่านปู่เจ้าสมิงพราย ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ ร้องขอความเป็นธรรมกับทนายความว่า ได้รับหมายเรียกจากตำรวจกองกำกับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ) ว่ากรมสรรพากรแจ้งความเท็จ เรื่องหลีกเลี่ยงภาษี โดยเรียกเก็บภาษีย้อนหลังเป็นเงิน 32 ล้านบาท เนื่องจากมีตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีเอ็นซี จำกัด ทั้งที่เจ้าตัวระบุว่าเป็นพนักงานในห้างมีรายได้เพียงวันละ 300 กว่าบาท เท่านั้น
สาวห้างช็อก รายได้วันละ 300 กว่าบาท ถูกเรียกเก็บภาษี 32 ล้าน
พ.ต.อ.ธรรมปพน ชาวกำแพง ผู้กำกับการ 2 บก.ปอศ เผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ตามที่ทางกรมสรรพากรเข้าแจ้งความ พบว่านางสาวนันทวรรณมีชื่อเป็นประธานบริษัทจริง จึงเรียกมาสอบปากคำตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งนางสาวนันทวรรณได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เมื่อตำรวจสอบสวนข้อมูลเชิงลึก ว่าช่วงเวลาที่ทางบริษัทมีความเคลื่อนไหว ขณะนั้นนางสาวนันทวรรณทำอะไรอยู่ที่ไหน กลับไม่ให้ข้อมูลกับตำรวจ บอกเพียงว่าจะให้รายละเอียดในชั้นศาล ตำรวจจึงต้องทำสำนวนส่งให้อัยการเป็นผู้พิจารณาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน
ขณะที่ นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ระบุว่าจากการตรวจสอบไม่พบชื่อของนางสาวนันทวรรณเป็นกรรมการบริษัท ตามที่ถูกสั่งฟ้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งรวบรวบเอกสาร หาข้อมูลตรวจสอบว่าน.ส.ถูกสวมสิทธิหรือไม่ และหาวิธีช่วยเหลือนางสาวนันทวรรณ โดยในวันพรุ่งนี้ จะพานางสาวนันทวรรณมายื่นขอความเป็นธรรม ที่สำนักงานอัยการมีนบุรี เพื่อให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือ เลื่อนขยายการขึ้น ศาลอาญามีนบุรี ออกไปก่อน
ตรวจสอบสามี-ภรรยา ถูกเรียกเก็บภาษี 11 ล้าน ผู้ว่าฯนครพนมเร่งให้ความช่วยเหลือ