จักรยานคันเก่งที่ซื้อมาด้วยเงิน 500 บาท เคยเป็นเครื่องมือหลักในการหารายได้ของ “ลุงน้อย” อดีตคนไร้บ้านวัย 54 ปี หลังลาสิกขาจากการเป็นพระสงฆ์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ความตั้งใจเดิมของลุงน้อย คือการหางานที่มั่นคงทำ แต่ปัจจัยเรื่องอายุและสภาพเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 ระบาด ทำให้ไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงาน จนต้องยึดอาชีพเก็บขยะขายและอาศัยหลับนอนหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง
พม. เผย “คนไร้บ้าน” ใช้บริการบ้านพักฟรี 154 ราย เหตุบางส่วนชอบชีวิตอิสระ
ในเดือนสิงหาคม ลุงน้อยย้ายมาเช่าห้องเล็ก ๆ อยู่ย่านวิภาวดี ราคาเดือนละ 1,000 บาท หลังเข้าร่วมโครงการ “จ้างวานข้า” ของมูลนิธิกระจกเงา ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเก็บขยะขายได้วันละ 100 กว่าบาท การเข้าร่วมโครงการ ทำให้มีรายได้วันละ 400 บาท ซึ่งลุงน้อยบอกว่าหากมีรายได้มากพอ ก็อยากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แต่ที่ไม่เข้าไปอยู่บ้านพักที่รัฐจัดให้ เพราะกลัวขาดอิสระและเกิดปัญหาจากการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
โดยปัญหาความพยายามช่วยเหลือจากภาครัฐที่ไม่ตอบโจทย์คนไร้บ้าน ถูกหยิบยกมาพูดถึงในการนำเสนอผลวิจัยของ ผศ.บุญเลิศ วิเศษปรีชา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ ที่สำรวจคนไร้บ้านในสถานการณ์โควิด-19 งานวิจัยชิ้นนี้สำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 137 คน พบว่าร้อยละ 17.5 เป็นคนไร้บ้านหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาให้ชีวิตเร่ร่อนหลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พยายามช่วยเหลือโดยจัดสรรที่พักให้ชั่วคราวพร้อมอาหาร 3 มื้อ แต่คนไร้บ้านกว่าครึ่งไม่ทราบว่ามีโครงการนี้ ยิ่งไปกว่านั้น 3 ใน 4 บอกว่าต่อให้อยากไปอยู่ก็ไม่ทราบวิธีการว่าต้องทำอย่างไร สะท้อนให้เห็นว่าความพยายามช่วยเหลือของภาครัฐไปไม่ถึงคนไร้บ้านเท่าที่
เมื่อสิ่งที่คนไร้บ้านให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกไม่ใช่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นการจ้างงานที่ทำให้พวกเขามีกินในแต่ละวัน การจะแก้ปัญหาอย่างตรงจุด จึงควรเป็นไปในแนวทางที่สอดคล้องกัน
พ่อค้าไข้เจียวใจบุญ ตะเวนแจกข้าวไข่เจียว-ตะกร้าปันสุข คนท้อง คนชรา คนไร้บ้าน กินฟรี