ข้อเรียกร้องของเครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศ (คสพ.) นำโดยพระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ที่ได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมทางศาสนาเมื่อวานนี้ ที่พุทธมณฑล อ.ศาลายา จ.นครปฐม พร้อมทั้งยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล 5 ข้อ ระบุว่า ที่ประชุมคณะสงฆ์จากทั่วประเทศมีสังฆมติร่วมกันขอให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดำเนินการดังนี้
1.ห้ามหน่วยงานภาครัฐเข้ามาก้าวก่ายเรื่องทางสงฆ์ ขอให้ทำหน้าที่อุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาตามแบบอย่างบรรพบุรุษไทย
2.ขอให้รัฐบาลยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติอันดีงามที่กระทำสืบกันมา คือ การดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์ ทางรัฐบาลจะต้องปรึกษาและได้รับความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคมก่อน
3.ขอให้นายกฯ ยึดถือดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคมที่มีการเสนอนาม สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
4.ขอให้ทางรัฐบาลสั่งเป็นนโยบายให้หน่วยราชการปฏิบัติต่อคณะสงฆ์ด้วยความเคารพเอื้อเฟื้อ ไม่ข่มขู่คุกคามคณะสงฆ์ด้วยการใช้กฎหมาย
5.ขอให้บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ทางเครือข่ายคณะสงฆ์ ยังระบุอีกว่าหากรัฐบาลรับปากแล้วไม่ดำเนินการก็อาจจะกลับมาชุมนุมกันอีกครั้ง
ด้าน พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่าเชื่อว่าการเรียกร้องของคณะสงฆ์จะไม่มีผลต่อการพิจารณาคดีต่างๆของพระสงฆ์เพราะถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน โดยทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย หากพบว่าใครกระทำผิดก็จะต้องดำเนินคดีแม้ว่าจะเป็นสงฆ์หรือฆราวาสก็ตาม พร้อมยืนยันว่าไม่เลือกปฏิบัติแน่นอน ส่วนภาพการกระทบกระทั่งระหว่างพระสงฆ์กับเจ้าหน้าที่ทหารนั้น เห็นว่าต่างฝ่ายต่างควรต้องเคารพซึ่งกันและกัน
สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ที่มี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ต้องติดตามการรับทราบรายงานเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ที่ส่งให้กับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาปรับแก้ก่อนการทำประชามติ
โดยก่อนการประชุมกระทรวงวัฒนธรรม นำเยาวชน เข้าพบ พลเอกประวิตร เพื่อรณรงค์กิจกรรม วันมาฆบูชา ที่จะจัดขึ้นที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ 16 – 22 ก.พ.59 ขณะที่ความวุ่นวายระหว่างทหารและคณะสงฆ์ที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.59) พลเอกประวิตร เชื่อว่าปัญหาจะไม่บานปลายยืนยันว่าการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชจะต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายโดยไม่มีความขัดแย้ง
นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของคณะสงฆ์ เมื่อวานนี้ เป็นเพียงความเห็นต่าง ไม่ใช่ความขัดแย้ง ดังนั้นการแก้ปัญหาควรใช้การพูดคุยเจรจากันเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
ขณะที่วันนี้ พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือ พระพุทธอิสระ วัดอ้อน้อย จะเดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรพุทธมณฑล เพื่อแจ้งความเอาผิดกับคณะสงฆ์ที่ชุมนุมและทำร้ายทหาร