ปัจจุบันการลักลอบค้างาช้างแอฟริกามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เป็นเหตุให้ในแต่ละปีช้างกว่าหมื่นเชือกถูกฆ่าตาย จนกลายเป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ตามบัญชี 1 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ “CITES” ที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก
ล่าสุด กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันสกัดกั้นขบวนการลักลอบงาช้างผิดกฎหมาย โดยติดตามขบวนการลักลอบค้างาช้างข้ามชาติ จนเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา สามารถอายัดสินค้าต้องสงสัย จำนวน 12 หีบห่อ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 498 กิโลกรัม ซึ่งสำแดงรายละเอียดของสินค้าเป็นหินที่ยังมิได้มีการเจียระนัย (rough stone) ที่ขนส่งมาจากเมืองนัมปูลา ประเทศโมซัมบิค โดยสายการบินเคนย่า เที่ยวบินที่ KQ 886 ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประเทศไทย ชื่อผู้รับใบตราส่งเป็นชาวแอฟริกัน
ผลการตรวจสอบพบงาช้างตัดเป็นท่อน จำนวน 87 ท่อน น้ำหนัก 315.2 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 28 ล้านบาทเก็บอยู่ในชั้นล่างของถังพลาสติก โดยมีหินไม่ทราบชนิดบรรจุไว้ด้านบนของถังเพื่อใช้อำพรางกระสอบพลาสติก เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาโดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองมีความผิด ฐานนำของต้องห้ามต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 และฐานนำเข้า ครอบครองงาช้าง นำเข้าสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้งาช้างทั้งหมดไว้เป็นของกลาง พร้อมส่งสำนวนคดีไปยังพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับสถิติการจับกุมการลักลอบค้างาช้าง ตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณ 2559 จนถึงขณะนี้ กรมศุลกากร สามารถตรวจยึดงาช้างลักลอบจากทวีปแอฟริกาได้จำนวน 4 คดี ปริมาณงาช้างของกลาง 845.64 กิโลกรัม