เรื่อนี้ถูกเปิดเผยโดยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” ในระหว่างการประชุมของคณะกรรมการศึกษา เพื่อหาวิธีป้องกันเด็กที่เกิดขึ้นมาด้วยวิธีผสมเทียม โดยดีเอสไออ้างว่าได้ไปพบเด็ก 3 คน ที่เชื่อว่าเกิดจากคุณแม่ชาวไทย กับ นายมิตซูโทกิ ชิเกตะ บุตรชายของมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่น โดยเด็กทั้ง 3 คนรวมถึงผู้เป็นแม่ อาศัยอยู่ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา คาดว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีในประเทศไทย เนื่องจากกัมพูชายังไม่มีกฏหมายอุ้มบุญที่ชัดเจน
นายชิเกตะ ตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อปี 2557 หลังถูกเจ้าหน้าที่ของไทยตั้งข้อสงสัยว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ เนื่องจากพบว่า เขาได้ว่าจ้างหญิงสาวชาวไทยอย่างน้อย 10 คน ให้ตั้งครรภ์เด็กอย่างน้อย 16 คน เป็นเงินรวมกันกว่า 17 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดเด็ก 13 คน อาศัยอยู่ในศูนย์ดูแลเด็กเล็ก จังหวัดนนทบุรี ส่วนอีก 3 คน ผู้เป็นพ่อได้สิทธินำกลับไปเลี้ยงที่ประเทศญี่ปุ่น
เรื่องนี้เคยตกเป็นข่าวครึกโครม ในช่วงปลายปี 2014 เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบเด็กทารก 16 คน เกิดจากการรับจ้างตั้งครรภ์ให้กับนายชิเกตะ ทำให้เขาถูกเรียกตัวไปสอบสวน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ ในครั้งนั้นนายชิเกตะอ้างว่าต้องการมีทายาทให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเมื่อเด็กเติบโตขึ้นมาจะได้ช่วยเหลือในการลงสมัครเลือกตั้ง
ต่อมาเมื่อเดือนมกราคมปี 2558 นายชิเกตะได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเชียงราย เพื่อขอสิทธิในการเลี้ยงดูเด็ฏที่เหลือทั้ง 13 คน ซึ่งการพิจารณาจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า