วันนี้ (8 ส.ค. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประกาศยอมรับผลประชามติของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เกิดขึ้นหลังเดินทางไปเป็นประธานเปิดกิจกรรมศึกษาเรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-จีน ส่วนพื้นที่ฐานเสียงหลักของพรรคประชาธิปัตย์คือภาคใต้ ที่ผลคะแนนออกมาสวนทางกับจุดยืนที่นายอภิสิทธิ์ประกาศก่อนหน้านี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับคะแนนนิยมของพรรคที่กำลังถูกนำไปวิเคราะห์และตีความว่าอาจจะลดน้อยไปกว่าที่กลุ่ม กปปส. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นหัวหอก
“จตุพร” ปลุกพรรคการเมือง รวมตัวสู้ ส.ว. สรรหา 250 คน
ขณะที่อีกฝากฝั่งที่มีจุดยืนเดียวกัน คือ ประกาศว่าไม่รับทั้งร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง อย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. แม้จะตั้งโต๊ะแถลงข่าวไปแล้ว 2 ครั้ง วานนี้ (7 ส.ค. 59) หลังเห็นทิศทางของผลคะแนนประชามติ โดยประกาศว่าจะทำตามสัญญา คือ ไม่ลงเลือกตั้งครั้งต่อไป ล่าสุดวันนี้ก็ออกมาสื่อสารผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้ง โดยสาระสำคัญคือจะยังคงเดินหน้าหาหลักฐานว่าการลงประชามติครั้งนี้โปร่งใสหรือไม่ และหากพบพิรุธจะนำมาเปิดเผยทันที
ส่วนกติกาภายใต้รัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงที่ผ่านประชามติ ประธาน นปช. เรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคทุกขนาด ประกาศเป็นสัญญาประชาคมก่อนลงเลือกตั้งว่าจะไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีคนนอก เพราะหากเป็นเช่นนั้นได้ เชื่อว่าจะสามารถถ่วงดุลสมาชิกวุฒิสภาสรรหา ที่จะแปรสภาพเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ได้ เพราะกลุ่มนี้จะถือคะแนนเสียงอยู่ในมือทันที 250 คน
ถอดรหัส 3 เงื่อนไข “ยิ่งลักษณ์” ยอมรับผลประชามติจริงหรือไม่
ขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาส่งสัญญาณผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แม้เนื้อหาโดยสรุปจะบอกว่ายอมรับกับผลประชามติ แต่หากดูจากเงื่อนไข 3 ข้อ ที่แสดงความเห็นพ่วงมาด้วย ความหมายอาจจะไม่ได้เช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นการบอกว่าไม่แปลกใจที่ผลประชามติออกมาในทิศทางนี้ เพราะที่ผ่านการสื่อสารเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปในลักษณะทิศทางเดียว ไม่เสียดายที่ตัวเองแสดงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง เพราะถือว่าเป็นการแสดงออกตามครรลองที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย และสุดท้ายเสียใจที่ประเทศกำลังจะก้าวถอยหลังไปใช้ร่างรัฐธรรมนูญที่อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงอ้างว่าไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง