วันนี้ (1 ก.ย. 59) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากที่วุฒิสภาบราซิลมีมติด้วยเสียงข้างมาก ให้ถอดถอนประธานาธิบดีดิลมา รุสเซฟฟ์ ออกจากตำแหน่ง ในข้อหากระทำผิดต่อกฏหมายงบประมาณของประเทศ ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวและเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายทั้งในและนอกประเทศ
ล่าสุดประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ของเวเนซุเอลา แถลงสดทางโทรทัศน์เรียกเอกอัครราชทูตเวเนซุเอลาประจำบราซิลกลับประเทศ เช่นเดียวกับผู้นำโบลิเวียและเอกวาดอร์ โดยผู้นำทั้ง 3 ชาติ กล่าวหาว่าการถอดถอนประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของบราซิล ไม่ต่างอะไรกับการทำรัฐประหารโดยฝ่ายนิติบัญญัติ อีกทั้งยังกล่าวหาว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวนี้ด้วย
ทั้งนี้หลังทราบคำตัดสิน นางรุสเซฟฟ์ ได้ออกมาแถลงต่อกลุ่มผู้สนับสนุนที่ทำเนียบประธานาธิบดีบราซิล โดยสัญญาว่าจะหาทางตอบโต้กลุ่มอำนาจมืดที่ถอดถอนเธอ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดที่แน่ชัด ขณะที่รองประธานาธิบดีมิเชล เทเมอร์ ก็สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ พร้อมประกาศว่านี่จะเป็นศักราชใหม่ของประเทศ
ส่วนบรรยากาศที่เมืองเซา เปาโล มีรายงานว่ากลุ่มผู้สนับสนุนนางรุสเซฟฟ์ ซึ่งไม่พอใจคำตัดสินดังกล่าว ออกมาชุมนุมตามท้องถนน และก่อเหตุรทุบทำลายอาคารในย่านธุรกิจ และทรัพย์สินของทางการ เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลต้องยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาสกัด