เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (9 ก.ย. 2559) สำนักงานสำรวจด้านธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ได้ตรวจพบแผ่นดินไหวขนาดความรุนแรง 5.3 ในเมืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาหลีเหนือ ที่รัฐบาลใช้เป็นสถานที่ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ แผ่นดินไหวดังกล่าวมีสาเหตุจากแรงระเบิด และพบว่าแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นบนผิวดิน ซึ่งแตกต่างจากแผ่นดินไหวตามธรรมชาติที่จะทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนใต้ดิน โดยทางการเกาหลีใต้คำนวนจากแรงสั่นสะเทือนว่า แรงระเบิดจากการทดลองล่าสุดของเกาหลีเหนือมีพลังทำลายล้างประมาณ 10-20 กิโลตัน
ในเวลาต่อมารัฐบาลเกาหลีเหนือ ออกแถลงการยืนยันว่าแรงระเบิดดังกล่าวเป็นผลมาจากการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 พร้อมทั้งอ้างว่าประสบความสำเร็จในการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์กับขีปนาวุธแล้วเช่นกัน โดยอธิบายว่าเป็นการทดลองหัวระเบิดนิวเคลียร์ขั้นที่สูงกว่า ที่จะทำให้กองทัพเกาหลีเหนือสามารถสร้างหัวระเบิดนิวเคลียร์เมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ รายงานว่าการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งนี้ถือว่ามีพลังทำลายล้างมากที่สุดเท่าที่เกาหลีเหนือเคยทดสอบมา
ด้านกองทัพเกาหลีใต้ ได้เรียกประชุมทีมบริหารสถานการณ์วิกฤติในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือครั้งนี้ โดย นางปารค กึน ฮเย ผู้นำเกาหลีใต้ ได้ออกมาประณาม ความทะเยอทะยานของผู้นำเกาหลีเหนือนั้นบ้าคลั่งและไร้ความรับผิดชอบ ทั้งที่ทราบดีว่าเป็นความผิดร้ายแรงตามกฏระเบียบของสหประชาชาติ
ขณะที่ นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับทางการจีนที่สั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสารกัมมันตรังสีที่อาจตกค้างบริเวณชายแดนจีนและเกาหลีเหนือ
ส่วน สหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ ระบุว่า นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดี เตือนเกาหลีเหนือว่าพฤติกรรมยั่วยุนี้ จะมีผลกระทบตามมาอย่างแน่นอน และย้ำว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะยังคงยืนหยัดปกป้องความมั่นคงของพันธมิตรในเอเชียและทั่วโลก
ขณะที่ทางการจีนเตรียมประท้วงต่อสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือในกรุงปักกิ่ง พร้อมแนะนำให้ชาติต่างๆ ใช้ความอดกลั้นในการหาทางออกวิกฤติคาบสมุทรเกาหลี
ทั้งนี้ จีนยอมรับว่าการกระทำของเกาหลีเหนือไม่ใช่วิธีที่ฉลาด แต่ก็พูดด้วยเหมือนกันว่าการตัดสินใจติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐในประเทศเกาหลีใต้ เป็นการทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค