วันนี้ (23 ก.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ได้ปรับเพิ่มการระบายจากเดิม 1,301 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขึ้นไปอยู่ที่อัตรา 1,503 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งการปรับเพิ่มดังกล่าวทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อน บริเวณหน้าบานระบายสูงขึ้นอีก 50 เซนติเมตร ตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ลงไปโดยเฉพาะในพื้นที่ริมคลองบางโผงเผง ต.โผงเผง อ.ป่าโมกข์ จ.อ่างทอง ต.บางหลวงโดด อ.บางบาล และต.บางกระทุ่ม ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา รวมถึงบริเวณท้ายแม่น้ำน้อย ที่จะมีน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่สูง 20-50 เซนติเมตร ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวจึงควรเก็บสิ่งของขึ้นที่สูง เฝ้าสังเกตุความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ และติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่ จ.อ่างทอง ตลิ่งริมเจ้าพระยาหน้าวัดโบสถ์ หมู่ที่ 4 ต.ย่านซื่อ อ.เมือง ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเขื่อนเรียงหินเกิดทรุดตัวยาวกว่า 50 เมตร หลังระดับน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงและไหลแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อสองวันที่ผ่านมาประกอบกับในพื้นที่มีฝนตกทำให้ดินเกิดการทรุดตัวและสไลด์ลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับดึงเสาเข็มคอนกรีตที่ปักเป็นแนวยาวกว่า 10 ต้นหักพังลงไปในน้ำ และมีทีท่าจะทรุดตัวลงเรื่อยๆ นายไชยวัฒน์ พิทักษ์เขต นายกองค์การบริหารส่วนตำบลย่านซื่อเปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ประสานผู้รับเหมาของชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบให้ดำเนินการปรับพื้นที่ และแก้ไขการสไลด์ตัวของตลิ่งก่อนที่จะดำเนินการปักเสาเข็มคอนกรีตใหม่แล้ว
ส่วนสถานการณ์น้ำที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มเพิ่มสูงขึ้นกว่า 40 ซม. หลังมีการระบายน้ำลงมาท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งขยายออกเป็นวงกว้างโดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ ต.กบเจา, ต.ทางช้าง, ต.ตะกรู, ต.บางหลวง, ต.บางหลวงโดด, และ ต.บางหัก อ.บางบาล ถูกน้ำท่วมสูง 50-60 ซม. ชาวบ้านต้องขนของขึ้นที่สูงแล้ว มีประชาชนได้รับผลกระทบ 98 หลังคาเรือน สวนมะระและสวนกล้วยเสียหายรวม 4 ไร่ นอกจากนี้ระดับน้ำที่ ต.หัวเวียง ต.บ้านกะทุ่ม ต.บ้านแพน บ้านโพธิ์ อ.เสนา และท่าดินแดง อ.ผักไห่ ยังสูงขึ้นด้วย แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายของประชาชน แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
