ในสายตาของชาวต่างชาติ ล้วนมองพระมหากษัตริย์ไทย แทบไม่ต่างอะไรจากที่คนไทยทั้งประเทศมอง สื่อต่างๆ เปรียบเปรยตรงกันว่า ไม่มีหญ้าต้นไหนในประเทศไทย ที่พระองค์ไม่เคยทรงเยียบย่าง แสดงให้เห็นถึงพระราชกรณียกิจ ที่พระองค์เสด็จไปยังทุกหนแห่ง เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้อยู่ดีกินดีขึ้น จนได้ชื่อว่า พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงงานหนักที่สุด
แม้ในยามที่บ้านเมืองเกิดกลียุค หรือเหตุการณ์ที่คนไทยขัดแย้งกันเอง ชาวต่างชาติยังรับรู้ได้ว่า เป็นพระมหากษัตริย์องค์นี้เอง ที่ทรงทำให้เหตุการณ์สงบลง อย่างน่าอัศจรรย์ และคนไทยก็กลับมารักกันดังเดิม ดังเห็นได้จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519
ความเป็นนักปราชญ์ และอัฉริยะในด้านต่างๆ รวมถึงการเป็นนักปกครองที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทำให้พระนามของพระองค์ ได้รับการยกย่องมาตลอดเวลาที่ทรงขึ้นครองราชย์นาน 70 ปีและไม่ใช่แค่ประชาชนคนทั่วไปเท่านั้น แม้แต่บุคคลระดับผู้นำประเทศ อย่างสมเด็จพระราชาธิบดี นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ก็ทรงนำเอานโยบายของพระองค์ ไปทรงใช้เป็นแบบอย่างในการบริหารประเทศ ส่วนนายโรดริโก ดูเตอร์เต้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ยังเคยกล่าวว่า ในโลกใบนี้ มีบุคคลเพียง 2 คนที่เขาพร้อมจะคุกเข่าให้ นั่นคือกษัตริย์แห่งบรูไน และในหลวงของเราเท่านั้น