จากคำให้สัมภาษณ์เมื่อคืนนี้ ของดาราหนุ่ม น็อต อัครณัฐ เจ้าของรถมินิ ที่ถูกชนไฟท้ายแตก ที่พยายามอธิบายเหตุผลที่เขาเกิดความโมโหอย่างรุนแรงจนต้องทำร้ายร่างกายคนขับรถจักรยานยนต์ ด้วยการอ้างว่า คู่กรณีมีท่าทีจะต่อสู้ ซึ่งทำให้เขายิ่งถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง เพราะคำอธิบาย ต่างกับภาพที่ปรากฏในคลิป
เช่นเดียวกับคำให้สัมภาษณ์จากทนายความของนายอัครณัฐ ที่โดนวิจารณ์อย่างมากเช่นกัน ในประเด็นที่บอกว่า ถ้าผู้สื่อข่าวถูกปาโทรศัพท์ลงพื้น ก็ต้องโกรธเหมือนนายอัครณัฐ
ภาพจับมือกันของทั้งสองฝ่ายที่ถูกเผยแพร่ตามมา คือ หลักฐานที่บอกได้ว่า ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่าย ได้ตกลงทำความเข้าใจกันไปรอบหนึ่งแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุ
แต่เมื่อคลิปเหตุการณ์ทั้งหมดถูกเผยแพร่ออกมา ทำให้มารดาของผู้เสียหายไม่พอใจ เพราะเห็นว่า ดาราหนุ่มกระทำต่อลูกชายด้วยความรุนแรง จึงจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด โดยพูดต่อหน้านายอัครณัฐ
ทีมข่าว PPTV กลับไปที่ สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา เพื่อสอบถามแนวทางการดำเนินคดี พ.ต.ท.ทวีป สุทธิ รองผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา ผู้รับผิดชอบคดีนี้ ให้ข้อมูลว่า เตรียมแจ้งข้อหา มาตรา 309 ตามประมวลกฏหมายอาญา กับ นายอัครณัฐ เพิ่มเติม เนื่องจากมีพฤติการณ์ บังคับข่มขืนใจคู่กรณี ให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยยืนยันว่า ภาพหลักฐานที่ปรากฏในคลิปมีรายละเอียดเพียงพอ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม
ส่วนคดีทำร้ายร่ายกาย และคดีที่นายอัครณัฐแจ้งความกลับข้อหาฝ่าฝืนกฎจราจร คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้ภายในสิ้นเดือนนี้
ทั้งนี้ มีคำยืนยันมาจาก พล.ต.ต.ทรงพล วัธนชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความไม่พอใจให้กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นเพียงคดีจราจรธรรมดา แต่กลับใช้ความรุนแรงทำร้ายคู่กรณี จึงสั่งการให้ดำเนินคดีโดยเร็วโดยให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย แต่ที่เห็นเบื้องต้น คือ ผู้เสียหายที่ถูกทำร้าย ไม่มีท่าทีตอบโต้
ข้อมูลจากการสอบปากคำเบื้องต้น รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า ทั้งสองฝ่ายยอมรับผิด โดยฝ่ายรถจักรยานยนต์ ก็ยอมรับเรื่องการชนที่แยกบางรัก แต่จุดที่มีเรื่องกันเป็นอีกจุดหนึ่ง แต่ก็ต้องสอบปากคำประจักษ์พยานในที่เกิดเหตเพิ่มเติมเพราะมีผู้อยู่ในเหตุการณ์เยอะมาก
ส่วนการแจ้งข้อหาต่อนายอัครณัฐ ขณะนี้ยังแจ้งเพียงทำร้ายร่างกาย โดยต้องรอผลตรวจร่างกายผู้เสียหายจากโรงพยาบาลเลิดสิน ว่า เป็นอาการบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ เพราะถ้าการที่ดั้งจมูกหัก เป็นอาการสาหัส ต้องใช้ระยะเวลาการรักษานาน ก็จะเข้าข่ายตามมาตรา 297 มีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 10 ปี ซึ่งต่างจากคดีทำร้ายร่างกายธรรมดา ที่มีโทษปรับเพียง 1 พันบาทเท่านั้น รวมทั้งยังต้องพิจารณาด้วยว่า พฤติกรรมของนายอัครณัฐ เข้าข่ายบังคับข่มขืนใจหรือไม่ โดยเฉพาะการให้กราบรถ
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี ต้นสังกัดของ น็อต อัครณัฐ ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อการกระทำที่ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม และพิจารณาลงโทษ โดย “ยกเลิกสัญญา” การเป็นทั้งพิธีกร และนักแสดง ของนายอัครณัฐทันที
เช่นเดียวกับ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ ไทยพีบีเอส ออกแถลงการณ์ระงับการออกอากาศผลงานของนายอัครณัฐ ทั้งละครเรื่อง “ก๊วนสืบหลักเลิกเรียน” และงานพิธีกรรายการ “ท้าประลองวิทย์” โดยทันที