โดย สถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา
ผู้ต้องหาเสียชีวิตในที่คุมขังของ ดีเอสไอ
ย้ายรองอธิบดี 2 คน
2 คน ถูกกล่าวหาพัวพันรับเงินจากผู้ต้องหาคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับองค์กรสำคัญอย่าง ดีเอสไอ ภายในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แน่นอนว่า ทุกเหตุการณ์สั่นคลอนต่อความน่าเชื่อถือของ ดีเอสไอ อย่างมาก เริ่มจากประเด็นแรก
นายธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาคดีออกเอกสารสิทธิมิชอบ ในจังหวัดภูเก็ตและพังงานับหมื่นล้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ใช้เวลาหลายปีติดตามตัวมาได้ กลับมาเสียชีวิตในระหว่างถูกคุมขังที่ห้องขังของดีเอสไอ ระหว่างรอนำตัวไปศาล พร้อมอาการ “ตับแตก” ที่ไม่สอดคล้องกับคำแถลงว่า ผู้ต้องหาผูกคอตาย ... ผ่านมานับ 2 เดือน คดีนี้ ยังเป็นปริศนาที่ไม่คลี่คลาย เพราะกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุใช้ไม่ได้ มีเพียงคำเฉลยที่กำกวมจากพนักงานสอบสวน “นายธวัชชัย ถูกทำให้ตาย”
เรื่องร้อนเรื่องแรกยังไม่เคลียร์ เรื่องใหม่ตามมาทันที เมื่อสองสามี – ภรรยา ที่ทำงานอยู่ในดีเอสไอ ถูกคำสั่งพักราชการและสวบสวนความผิดทางวินัย หลังตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินพบเกี่ยวพันกับการซื้อ-ขายที่ดิน ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในส่วนค่านายหน้า ซึ่งมีข้อกล่าวหาว่า 2 คนนี้ เกี่ยวพันกับเงิน 40 ล้านบาท จากค่านายหน้า 60 ล้านบาท
เรื่องร้อนถาโถม ในเวลาเดียวกันกับที่ ดีเอสไอ ยังไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีนี้ มาดำเนินคดีได้ “พระธัมมชโย”
เมื่อผนวก 2 ประเด็นนี้เข้าด้วยกัน ยิ่งน่าสนใจ เมื่อมีผู้ต้องหาเสียชีวิตในห้องขัง ในเวลาไล่เลี่ยกันกับที่มีเจ้าหน้าที่ถูกกล่าวหาพัวพันกับเงินโดยมิชอบในคดีสำคัญ แม้ทั้ง 2 เรื่อง จะต่างกรรมต่างวาระ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “น้ำหนัก ความชอบธรรม” ของ ดีเอสไอ ในการทำคดีใหญ่อย่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ลดลงอย่างมาก
การจะนำ “พระธัมมชโย” เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยิ่งยากกว่า เมื่อในห้องขังของดีเอสไอ ถูกตีตราเป็นสถานที่ไม่ปลอดภัยไปแล้ว คดีที่ทำมา ก็มีรอยด่างพร้อยเรื่องการรับสินบนไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้นใน ดีเอสไอ”
ทบทวนก่อนว่า นี่คือหน่วยงานที่มีอำนาจมาก รวบรวมคนเก่งมีฝีมือจากทุกด้านเข้ามารวมตัวกัน ถ้าคดีไหนถูกรับเป็นคดีพิเศษ หน่วยงานนี้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายได้ทุกฉบับ และเข้าไปแทรกแซงได้ทุกพื้นที่
หากในทางยุทธศาสตร์ หากมีความคาดหวังที่จะทลายฐานที่มั่นสำคัญทางการเมืองหรือทางการเงินของฝ่ายตรงข้าม ก็ดูเหมือนจะมีแต่หน่วยงานนี้เท่านั้นที่มีศักยภาพทำได้ “ดีเอสไอ”
แต่..... คงต้องดูก่อนว่า ผู้ต้องหา กับ พนักงานสอบสวน “ใคร” อาการหนักกว่ากัน
มีข้อมูลในเชิงลึกว่า ดีเอสไอ ที่เอาหัวกะทิจากทุกด้านมาอยู่ด้วยกัน กลายเป็นองค์กรที่มีคดีฟ้องร้องภายในมากที่สุดในศาลปกครอง โดยเฉพาะเรื่องการ “เลื่อนตำแหน่ง”
มีรายงานว่า เร็วๆนี้ จะมีข้าราชการในดีเอสไอระดับ ซี 9 ถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ ซี 7 อีกหลายคน ซึ่งเป็นผลมาจากการฟ้องร้องว่าการแต่งตั้งหรือเลื่อนตำแหน่งไม่เป็นธรรม
ตัวเลขที่ระบุได้ คือ จะมีผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ระดับ 9 จำนวน 16 คน ถูกลดตำแหน่ง
เรื่องนี้เกิดจากการร้องเรียนของผู้เข้าสอบเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษระดับ 9 ที่อกหัก จึงร้องเรียนหาความเป็นเป็นธรรม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ตำแหน่งระดับสูงเช่นนี้ ทำไมใช้เวลาการสอบสัมภาษณ์ เพียงรายละ 3-5 นาที ซึ่งไม่น่าจะเพียงพอสำหรับการทดสอบความเชี่ยวชาญทางคดีด้านต่างๆ พร้อมมีคำคำถามด้วยว่า กรรมการสอบ มีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่
เรื่องนี้ ... ชี้ให้เห็นรอยร้าวภายในดีเอสไอได้เป็นอย่างดี
แหล่งข่าวรายหนึ่งในดีเอสไอ ให้ข้อมูลว่า ความสงสัยต่อเรื่องการแต่งตั้ง เลื่อนตำแหน่ง มีที่มาอีกประเด็นที่สำคัญ เขาตั้งข้อสังเกตว่า ระดับผู้บัญชาการในดีเอสไอขณะนี้ ล้วนเป็น “ตำรวจ” และเป็นตำรวจที่มาจาก “โรงเรียนนายร้อยตำรวจ”
ต่างจากเจ้าหน้าที่ที่มาจากสายอื่น ส่วนใหญ่กระจายกันไปอยู่ "นอกวง" ของงานบริหาร
ประเด็นนี้ เป็นเพียงข้อกล่าวหา ... ยากพิสูจน์ได้ในเชิงข้อเท็จจริง ... แต่ในแง่ความรู้สึกนึกคิด แน่นอนว่า “ห้ามกันไม่ได้”
รองอธิบดี 2 คน ที่ถูกโยกย้ายออกไป คือ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว และ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ แม้จะมียศเป็นตำรวจ แต่ทั้ง 2 คน ไม่ใช่ นรต. หรือ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่เป็น นรบ. หรือ นายร้อยอบรม คือ มาจากการจบปริญญาตรีมาก่อนเข้าเป็นนายร้อย
ยังไม่รวมการรื้อคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมาดูใหม่ โดยพบพิรุธจากการทำคดีของพนักงานสอบสวนชุดเดิม จนนำสู่ประเด็นกล่าวหาเกี่ยวพันกับเงิน 40 ล้านบาท
ไม่ว่าความขัดแย้งภายในเหล่านี้ จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติขององค์กร หรือเกิดขึ้นจากความตั้งใจก็ตาม .... สิ่งสำคัญที่ทั้งคนในและคนนอกสัมผัสได้ในเวลานี้ ก็คือ
จากเรือรบที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์เต็มลำ ขนทหารฝีมือดีมาเต็มอัตราศึก ไปที่ไหน เป็นที่หวาดหวั่นต่อผู้พบเห็น ดีเอสไอ กลายเป็น เรือสภาพทรุดโทรมใกล้อับปาง มีอาวุธเต็มลำ แต่ใช้ไม่ได้ ทหารในเรือล้วนหวาดระแวงกันเอง กังวลแม้แต่จะหันหลังให้กัน ไปที่ไหน ก็ไร้ความน่าเกรงขามอีกต่อไป
แม้แต่ “ตำรวจ” ซึ่งเป็นองค์กร ที่ถูก ดีเอสไอ คานอำนาจอย่างหนักหน่วงมาตลอด ก็กลายเป็นฝ่ายได้ทำงานตรวจสอบ “ดีเอสไอ” ซะเอง ...ในช่วงนี้ ...
“กรมสอบสวนคดีพิเศษ” แหล่งรวมหัวกะทิ ผู้เชี่ยวชาญคดีทุกด้าน ความหวังของการไขทุกปริศนา ... เรือลำนี้ จะยืนหยัดอย่างไรต่อไป ท่ามกลางรอยรั่วมากมาย ที่ปล่อยให้น้ำซึมเข้ามาในเรือมากขึ้นเรื่อยๆ
รอยรั่ว ที่เกิดจากฝีมือ คนในเรือเอง ....
แว่วๆมาว่า ในสภาปฏิรูปประเทศเวลานี้ ... กำลังพิจารณาข้อเสนอหนึ่ง ที่จะปฏิรูปกรมสอบสวนคดีพิเศษ .... ไปเป็นพนักงานสอบสวน ใน "สำนักงานอัยการสูงสุด"