วันนี้ (30 ต.ค. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาววราภรณ์ จันทร์เพ็ญ รองผู้อำนวยการสำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในช่วงสิ้นปีและช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ จะมีประชาชนนำทรัพย์สินออกมาฝากจำนำเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ ทองคำ และอัญมณี
โดยในช่วงเดือนธันวาคมทุกปี จะพบว่ามีประชาชนนำทรัพย์สินมาจำนำเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 และหากราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นถึงบาทละ 20,000 บาท คาดว่าจะยิ่งทำให้ประชาชนให้ความสนใจนำทรัพย์สินมาจำนำเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 ทำให้สถานธนานุบาลเตรียมสำรองเงินไว้ประมาณ 700 ล้านบาท เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน
ขณะที่ รองผู้อำนวยการสำนักงานสถานธนานุบาล กรุงเทพมหานคร ยังระบุว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวไม่ได้ส่งผลต่อการจำนำของประชาชนมากนัก แต่ราคาทองที่ต่ำลง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชาชนยังไม่ตัดสินใจเข้ามาใช้บริการสถานธนานุบาล แต่ยืนยันว่าไม่กังวล
เนื่องจากประชาชนยังมีความต้องการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่ประชาชนนำมาจำนำส่วนใหญ่ ยังพบว่าเป็นทองคำ มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 90 อีกร้อยละ 9 คือ อัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนอีกร้อยละ 1 คือ สินค้าเบล็ดเตล็ด เช่น ทีวี กล้องถ่ายรูป
ด้านนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธปท.อยู่ระหว่างศึกษาจัดทำกลไกดูแลการติดตามหนี้ลูกหนี้สินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อยประเภทสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต โดยมีการจัดตั้งตัวกลางขึ้นมาดูแลลูกหนี้ร่วมกัน และมี ธปท.กำกับดูแลกฎเกณฑ์และกติกาต่างๆ ซึ่งขณะนี้ ธปท.จัดทำคณะทำงานขึ้นมาศึกษารายละเอียดแล้ว พร้อมกับดูแนวทางจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการประนอมหนี้เป็นแบบอย่าง
ขณะที่สมาคมธนาคารไทย ระบุว่า แนวทางดูแลบริหารจัดการลูกหนี้สินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จะทำให้ภาพรวมของหนี้เสียลูกค้ากลุ่มนี้ ของธนาคารพาณิชย์ลดลง
โดยเบื้องต้นจะเป็นความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์ในสมาคมธนาคารฯก่อน 15 ราย ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปและลงนามความร่วมมือได้ต้นปีหน้า หากประสบความสำเร็จอาจขยายความร่วมมือไปยัง ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือ นอนแบงก์ ต่อไป