ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลน้ำแข็งและหิมะแห่งชาติ ในรัฐโคโลราโด ของสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่า อุณหภูมิอากาศและน้ำทะเลในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้นมากจนทำให้อัตราการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกเหนือในช่วงฤดูหนาวปีนี้ รวดเร็วยิ่งกว่าในช่วงฤดูร้อนเสียอีก โดยปริมาณก้อนน้ำแข็งขั้วโลกเหลืออยู่เพียง 3 ล้าน 5 แสนตารางไมล์ ซึ่งน้อยกว่าปริมาณก้อนน้ำแข็งในปี 1981-2010 เกือบ 1 ล้านตารางไมล์
;111
สัดส่วนของก้อนน้ำแข็งที่หายไปนั้น มีขนาดพอๆกับประเทศเม็กซิโกทั้งประเทศ หรือหากเทียบจากพื้นที่ในสหรัฐ ก็จะเท่ากับขนาดของรัฐเท็กซัส แคลิฟอร์เนีย มอนแทนา และนิวเม็กซิโก รวมกัน
การที่ปริมาณน้ำแข็งขั้วโลกเหนือเหลือน้อยลง ทั้งที่เป็นช่วงฤดูหนาว ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะตามปกติ น้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือจะก่อตัวขึ้นในฤดูหนาว และจะไม่ละลายมากเท่ากับฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ส่วนปริมาณน้ำแข็งขั้วโลกใต้ ซึ่งที่ผ่านมา พบว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้น สวนทางกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือที่กำลังละลาย แต่ในปีนี้กลับพบว่า ลดลงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
สาเหตุสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภาวะโลกร้อน ที่ทำให้อุณหภูมิที่ขั้วโลกเหนือสูงขึ้นจนผิดปกติ ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ปริมาณธารน้ำแข็งขั้วโลกก็จะยิ่งเหลือน้อยลงไปอีก เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน