วันนี้ (20 ธ.ค. 59) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเรเซป เทย์ยิป เออร์โดอัน ประธานาธิบดีของตุรกี แถลงว่า ได้ต่อสายพูดคุยกับ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นายอันเดร คาลอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี ถูกลอบยิงเสียชีวิต ระหว่างกล่าวเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายในกรุงอังการา โดยทั้งสองเห็นพ้องกันว่าน่าจะเป็นความพยายามทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่กำลังกลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้ง
เช่นเดียวกับนายปูติน ที่เชื่อว่า เหตุดังกล่าวเป็นการขัดขวางกระบวนการสร้างสันติภาพในซีเรีย และทำให้รัสเซียต้องยกระดับการปราบปรามผู้ก่อการร้ายให้เข้มข้นขึ้น
ส่วนความคืบหน้าล่าสุด ทราบว่ามือปืนที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม คือ นายเมฟ-ลุต อัลตินทาซ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลตุรกี วัย 22 ปี แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มใดหรือไม่
ด้านนายกเทศมนตรีกรุงอังการาเชื่อว่า แรงจูงใจในการก่อเหตุน่าจะเป็นเพราะคนร้ายไม่พอใจบทบาทของรัสเซีย ที่สนับสนุนรัฐบาลซีเรียในการโจมตีเมืองอเลปโป โดยคนร้ายได้ตะโกนสรรเสริญพระเจ้าเป็นภาษาอาหรับ และพูดว่า “อย่าลืมอเลปโป อย่าลืมซีเรีย” ในระหว่างก่อเหตุ
ขณะที่สื่อท้องถิ่นบางสำนักรายงานว่า คนร้ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับนาย เฟตูลเลาะห์ กูเลน นักการศาสนาชาวตุรกีที่ลี้ภัยในสหรัฐฯ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังความพยายามในการทำรัฐประหาร เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุดฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ได้ออกมาแถลงประณามเหตุดังกล่าว
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้โอกาสหลังเกิดเหตุร้ายในยุโรป เพื่อตอกย้ำจุดยืนของตนเอง โดยบอกว่า เหตุลอบยิงทูตรัสเซีย และเหตุนองเลือดทั้งในเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ แสดงให้เห็นว่าการก่อการร้ายได้ลุกลามไปทั่ว และสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงไป จึงขอให้ประชาคมโลกเปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ โดยพวกก่อการร้ายในเครือข่ายระดับภูมิภาคและทั่วโลกจะต้องถูกกำจัดให้หมดไป
