วันนี้ (16 มี.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการสอบสวนคดีฟอกเงินจากการยักยอกทรัพย์และฉ้อโกงประชาชนของสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น โดยก่อนหน้านี้สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สรุปสำนวนสั่งฟ้อง นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียน จำกัด นำเงินสหกรณ์ไปซื้อที่ดินในพื้นที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี แล้วนำไปใส่ไว้ในชื่อตัวเอง จึงขายที่ดินจำนวน 8 แปลงให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 คน แต่กลับไม่นำเงินส่งคืนให้สหกรณ์ฯ ทางพนักงานสอบสวนจึงทำความเห็นสั่งฟ้องเฉพาะนายศุภชัยกับพวก
แต่ต่อมาสำนักคดีการเงินการธนาคาร ซึ่งรับผิดชอบเฉพาะคดีฟอกเงินของ พระธัมมชโย มูลนิธิวัดพระธรรมกาย พบหลักฐานสำคัญเป็นร่องรอยธุรกรรมการเงินจากวัดพระธรรมกาย โดยโอนเงินเพื่อนำไปซื้อที่ดินทั้ง 8 แปลงดังกล่าว และถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนวัดพระธรรมกาย ซึ่งปัจจุบันที่ดินดังกล่าวเป็นสถานที่ตั้งอาคารบุญรักษา สอดคล้องกับความเห็นในชั้นอัยการสั่งให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มไปถึงผู้บริจาคเงินให้กับวัดพระธรรมกาย เพื่อนำมาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว
ล่าสุดทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งให้โอนสำนวนจากสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ไปอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักคดีการเงินการธนาคาร เนื่องจากเป็นคดีฟอกเงินเกี่ยวพันกับกลุ่มพระสงฆ์ของวัดพระธรรมกาย นอกจากนี้ยังสั่งการให้ตรวจสอบการเข้าไปรับซื้อที่ดินของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของนายศุภชัยในคดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งที่ดินทั้งหมดมีสถานที่ตั้งรายล้อมบริเวณโดยรอบวัดพระธรรมกาย
ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ยังคงประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ประจำวัน และจนถึงขณะนี้มีผู้ถูกออกหมายเรียกมาพบเจ้าหน้าที่รวม 317 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมเคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย