กองทัพเรือ ย้ำจำเป็นต้องมี “เรือดำน้ำ” รักษาผลประโยชน์ชาติ

โดย PPTV Online

เผยแพร่

หลังคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณ 13,500 ล้านบาท พื่อจัดซื้อเรือดำน้ำ หยวนคลาส S 26 T จากประเทศจีน ไปเมื่อ 18 เมษายนที่ผ่านมา และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเพราะไม่มีการแถลงมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมชี้แจงเพียงว่า เรื่องถูกเสนอเข้าที่ประชุมในฐานะเอกสารมุมแดง หรือระดับชั้นความลับ “ลับมาก” แต่เมื่อถูกวิจารณ์อย่างมาก ทำให้กองทัพเรือ เชิญสื่อมวลชนไปรับฟังข้อมูลทั้งหมดในวันนี้ โดยการแถลงมีขึ้นที่เรือหลวงจักรีนฤเบศร์

วันนี้ ( 1พ.ค.60) พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ นำคณะกรรมการทั้งหมดมาแถลงต่อสื่อมวลชน ระบุถึงความจำเป็นในการจัดซื้อเรือดำน้ำ ชั้นหยวนคลาส เอส 26 ที จากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยยืนยัน คณะกรรมการทุกคนพิจารณาอย่างรอบด้าน พร้อมชี้แจงว่า งบประมาณที่ใช้จัดซื้อ เป็นงบที่ถูกกันไว้สำหรับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรืออยู่แล้ว ไม่ส่งผลต่อการจัดสรรงบประมาณส่วนอื่นๆของประเทศ

“ส่วนงบประมาณที่ได้รับ ไม่ได้เบียดเบียนงบประมาณจากกระทรวงอื่น โดยงบประมาณที่ใช้จัดซื้อเรือดำน้ำ มูลค่า 13,500 ล้านบาท จะแบ่งผ่อนชำระเป็นระยะเวลา 7 ปี โดยจะแบ่งจ่ายเงินเป็นงวดๆ ตามความก้าวหน้าในการสร้างเรือ ซึ่งกองทัพเรือได้เจรจากับฝ่ายจีนเกี่ยวกับการชำระเงินในแต่ละปีงบประมาณให้สอดคล้องกับความเป็นไปได้ด้านงบประมาณของกองทัพเรือเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีงวดการชำระเงินทั้งหมด 17 งวด ชำระเงินในปี 2560 จำนวน 700 ล้านบาท ส่วนปี 2561 – 2566 จะชำระเงินเฉลี่ยปีละ 2,100 ล้านบาท มั่นใจ การจ่ายเงินในแต่ละปีจะไม่เป็นภาระงบประมาณของประเทศ และไม่มีผลกระทบกับการใช้งบประมาณด้านอื่น ๆ ของกองทัพเรือ”

ด้านพลเรือโทพัชระ พุ่มพิเชฎฐ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะ ประธานคณะกรรมการจัดจ้างสร้างเรือดำน้ำในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล ยืนยันว่า การจัดหาเรือดำน้ำครั้งนี้ เป็นความจำเป็นของประเทศ ไม่ใช่สิ่งที่กองทัพเรืออยากได้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ไทยจำเป็นต้องมีไว้เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางทะเล พร้อมยืนยันว่า เรือดำน้ำจากประเทศจีน ตอบโจทย์ความต้องการของไทยมากที่สุด

“เนื่องจาก การสำรวจทรัพยากรใต้ทะเลนั้น เรือดำน้ำของจีนตอบโจทย์มากที่สุด เพราะก่อนหน้าที่ยังไม่มีเรือดำน้ำ ประเทศไทยสูญเสียขีดความสามารถหลายด้าน ครั้งนี้ จึงถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะพบว่า การจัดหาเรือดำน้ำจากจีน มีข้อได้เปรียบตรงที่ เรือของจีนมีการพัฒนามาจากประเทศรัสเซีย ที่ถือเป็นประเทศอุตสาหกรรมในการผลิตยุทโธปกรณ์ต่างได้ดี เพราะเชื่อว่า การจัดหาในครั้งนี้ จะเป็นการวางรากฐานการทำสงครามใต้น้ำให้ยั่งยืนในอนาคตได้อีกด้วย”

ส่วนประเด็นไม่มีการแถลงข่าว มติคณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำ เมื่อ 18 เมษายนที่ผ่านมา เสนาธิการทหารเรือ อธิบายว่า การจัดซื้อเรือดดำน้ำ ไม่ใช่ความลับ แต่จำเป็นต้องใช้คนที่มีความรู้เป็นผู้ตอบคำถาม ที่ยังตอบไม่ได้ในช่วงแรก เพราะกระบวนจัดหายังไม่จบสิ้น หากพูดไปจะสร้างความเสียหายให้กับกองทัพ

ขณะที่ประเด็นที่ถูกวิจารณ์ว่า กองทัพเรือได้รับใบสั่งให้จัดหาเรือดำน้ำจากประเทศจีน เสนาธิการทหารเรือ ยืนยันว่า การพิจารณาเลือกเรือดำน้ำ เป็นไปตามหลักการ และยุทธศาสตร์ของกองทัพ ที่คณะกรรมการจัดหาเรือดำน้ำได้วางไว้ คือ หลักจัดหา 3 ประการ คือ ขีดความสามารถ การใช้งานตลอดอายุการใช้งาน และความสามารถในการจ่ายได้ของไทย ซึ่งเมื่อศึกษาเปรียบเทียบข้อเสนอจากบริษัทผู้ผลิตเรือดำน้ำจาก 6 ประเทศ จึงเลือกเรือดำน้ำจากจีน

“เมื่อศึกษาเปรียบเทียบข้อเสนอจากบริษัทผู้ผลิตเรือดำน้ำจาก 6 ประเทศซึ่งบางประเทศให้เฉพาะตัวเรือ ไม่มีอาวุธ บางประเทศให้อาวุธ ให้เรือ แต่ราคาสูงเกินไป อะไหล่ซ่อมบำรุงแพง หรือ บางประเทศไม่สนับสนุนการฝึกอบรม และถ่ายทอดเทคโนโลยี และองค์ความรู้ ซึ่งเมื่อกองทัพเรือพิจารณาแล้ว จึงเลือกเรือดำน้ำจากจีน”

อีกประเด็นที่เป็นข้อซักถาม คือ ราคา ของเรือดำน้ำ ที่จะต้องจัดซื้ออีก 2 ลำ จะยังอยู่ในวงงบประมาณ 36,000 ล้านบาทหรือไม่  หรือจะบานปลายไปมากกว่านี้หรือไม่ พลเรือตรี กฤษฏาภรณ์ พันธุโพธิ ผู้อำนวยการจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ บอกว่า แน่นอนว่าต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่จะตามมาด้วย การจัดกำลังพล และเครื่องมือต่างๆ ซึ่งอาจต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมในอนาคต และต้องดูด้วยว่า หากจัดหาอีก 2 ลำ อาจมีเทคโนโลยีใหม่ที่ดีกว่า ก็ต้องมาคุยกันว่าจะเอาอะไรใส่ไปบ้าง นอกจากที่หารือไปเบื้องต้น

 

 

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ