ข่าวดีเจชื่อดัง “เชาเชา” ชวลิต ศรีมั่นคงธรรม ขับรถชนรถจักรยานยนต์ที่ถนนเทพรักษ์ ย่านวัชรพล คงเป็นเพียงข่าวอุบัติเหตุธรรมดาชิ้นหนึ่ง ถ้าผู้บาดเจ็บรายนี้ ไม่กลายเป็นผู้เสียชีวิต ในอีก 5 วันต่อมา และอาจไม่บานปลายไปถึงขนาดนี้ ถ้านักจัดรายการวิทยุคนดัง ออกมายอมรับว่าเป็นคนชนตั้งแต่วันแรก
แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน คนเจ็บ กลายเป็นคนตาย ... ที่เคยบอกว่า ไม่ได้ชน คงไม่อาจปกปิดได้ เพราะกลายเป็นคดีอาญาที่มีผู้เสียชีวิต ... จากภาพลักษณ์ที่เป็นผู้ช่วยเหลือคนเจ็บ ดีเจคนดัง จึงกลายเป็นคนร้าย ที่ไม่พูดความจริง ... โดยเฉพาะเมื่อเรามารู้ภายหลังอีกว่า “ดีเจ เชาเชา” ใบขับขี่หมดอายุ และรถคันนั้น ไม่มี พรบ.
แต่... ย้ำว่า “แต่” อย่าเพิ่งด่วนสรุป
เพราะด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้ ยังไม่ได้หมายความว่า “ดีเจ เชาเชา” เป็นคนผิด หรือเป็นคนไม่ดี โดยเฉพาะเมื่อหลักฐานภาพวงจรปิดและคำให้การของเพื่อนผู้ตายเอง บอกตรงกันว่า “ผู้ตาย” ขับรถจักรยานยนต์พุ่งออกมาจากข้างทาง ในระหว่างที่ดีเจเชาเชาขับผ่านมาพอดี ...
รถเก๋งเล็กซัสสีขาวคันงาม จึงชนมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า โซนิค 125 สีน้ำเงิน ที่ผ่านการปรับแต่งรถมาพอสมควรแฉลบไปทางขวา คนขับล้มลง ศรีษะ ไปกระแทกกับขอบทางเท้า กลายเป็นอาการบาดเจ็บรุนแรง
ทั้งที่ถ้าดูจากความเสียหายของรถทั้ง 2 คัน จะเห็นได้ว่า ทั้ง “รถเก๋ง” และ “มอเตอร์ไซค์” เสียหายไม่มาก ... การชนนี้ จึงไม่ควรนำไปสู่การสูญเสียร้ายแรง ถ้าศรีษะ ไม่ฟาดพื้น
ผมจะไม่ลงรายละเอียดเรื่องการช่วยเหลือ เพราะไม่ใช่เป้าหมายของงานชิ้นนี้ ซึ่งคู่กรณีก็คงไปตกลงกันได้เอง
สิ่งที่อยากนำเสนอ คือ พยานวัตถุ และพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อลงไปดูอย่างละเอียด เราพบว่า บอกเรื่องราวต่างๆได้มากมาย โดยเฉพาะอาจสามารถตอบคำถามได้ด้วยว่า “รถจักรยานยนต์มากมาย” ไปทำอะไรที่นั่น
เพื่อนผู้ตาย ให้การว่า ไปขับรถเล่น
พ่อบุญธรรมผู้ตาย ยืนยันตามเพื่อนว่า ไปขับรถเล่น
แม่ ยืนยันว่า ลูกชายเธอ ไม่ใช่กลุ่มนักซิ่ง
ถ้าเป็นเช่นนั้น ... เขาขับรถออกมาจากข้างทางทำไม จนออกมาขวางหน้ารถดีเจเชาเชา
ทุกคนข้างต้นบอกตรงกันว่า ... สาเหตุที่ผู้ตายขับรถพุ่งออกมา เพราะมีคนอยู่บนสะพาน เหนือจุดที่พวกเขาจอดรถ และ “ปาก้อนหิน” ลงมา พวกเขาจึงต้องหลบ แต่ผู้ตาย โชคร้ายออกไปตัดหน้ารถดีเจ
เมื่อไปดูที่เกิดเหตุ ก็จะเห็นด้วยว่า “รอยเบรก” จากเล็กซัสสีขาว ยังคงปรากฏร่องรอยเป็นทางยาว ... และรอยเบรกนี้ เป็นหลักฐานสำคัญซะด้วย ที่ทำให้ตำรวจมองว่า ดีเจหนุ่ม ไม่มีเจตนาทำร้ายคู่กรณี เพราะมีความพยายามแล้วที่จะหยุดรถ
ยิ่งถ้าดูจากระยะทาง จะยิ่งเห็นได้ชัด เพราะก่อนจะถึงจุดที่ชน รถทุกคัน ต้องผ่านจุดกลับรถรูปตัวยู ซึ่งหมายความว่า ต้องลดความเร็วลง และเริ่มทำความเร็วใหม่ ... ข้อสำคัญคือ ทีมข่าวเราวัดได้ว่า จากจุดกลับรถ ถึงจุดที่ชน มีระยะเพียง 40 เมตร ให้ทำความเร็วเพิ่ม
เอาละครับ ... เมื่อพยานต่างพากันบอกว่า มีคน “ปาหิน” ลงมาจากสะพานเหนือจุดเกิดเหตุ ก็ต้องไปดูบนสะพานกันหน่อยว่ามีพื้นที่ให้ “คน หรือ กลุ่มคน” มายืนปาหินเล่นได้จริงมั้ย เพราะข้อนี้ ตำรวจก็ยังมีข้อสงสัยว่า ทิศทางในการปา เป็นไปได้จริงหรือ
ทีมข่าวเราส่งคนขึ้นไปดู .... และ ไม่น่าเชื่อ ... เราโชคดี พบหลักฐานสำคัญ
ที่ราวสะพาน จุดเดียวกับที่จุดที่สามารถมองลงไปเห็นทางเท้า ซึ่งกลุ่มมอเตอร์ไซค์ของผู้ตายจอดอยู่ เราพบร่องรอยว่าต้องมีคนเคยมายืนหรือทำกิจกรรมอะไรบางอย่างที่นี่ มีรอยเขียนตัวอักษรสีขาวเต็มไปหมด รอยเหล่านั้นมีชื่อคนหลายคน (เป็นชื่อเล่น) พร้อมคำด่าหยาบคายพ่วงมาด้วย
แม้เราหาที่มาของชื่อไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็รู้ว่า บนสะพานนี้ ไม่ได้มีแค่รถวิ่งผ่านไปมา แต่ยังมีคนหยุดรถ และลงมาทำกิจกรรมบางอย่างด้วย .... ที่สำคัญ คนเหล่านั้น ไปยืนบนสะพานทำไม??
แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ในบริเวณนั้น(เปิดเผยไม่ได้ เพื่อความปลอดภัย) บอกว่า คนที่ผ่านไปมาบ่อยๆ ต่างก็รู้ว่า “ถนนเทพรักษ์” เส้นนี้ ในยามค่ำคืน มีหลายจุดกลายเป็นสนามประลองความเร็วของกลุ่มวัยรุ่น ...
จุดที่เกิดเหตุกับรถของดีเจเชาเชา ก็เป็นหนึ่งนั้น
พื้นที่ทางเท้าที่เราเห็น ถูกระบุจากแหล่งข่าวว่า เคยใช้เป็นจุดจอดรถ และเป็นจุดปล่อยตัวในการประลองความเร็ว
ส่วนบนสะพานที่มีร่องรอยขีดเขียน เป็นพื้นที่ของเหล่าผู้ชม คล้ายกับอัฒจันทร์ในสนามกีฬานั่นเอง
เอาเป็นว่า “พื้นที่นี้” เป็น หรือ เคยเป็น จุดประลองความเร็วของนักซิ่งมือสมัครเล่นมาแล้วหลายครั้ง
แต่วันเกิดเหตุ คืนวันที่ 26 เมษายน 2560 มีการแข่งขันของพวกวัยรุ่นนักซิ่งหรือไม่ ตอบว่า “ไม่รู้” ข้อมูลเพียงเท่านี้ คงตอบไม่ได้
... อาจเป็นไปได้อย่างที่เพื่อนผู้ตายให้การ คือ อาจเป็นเพียงกลุ่มวัยรุ่น ที่ออกไปขับรถเล่นกันเท่านั้น ...
... และอาจเป็นความโชคร้าย ที่บังเอิญมีวัยรุ่นอีกกลุ่มไปยืนเล่นบนสะพานที่ปกติเป็นสะพานรถข้าม และคนพวกนั้นยังบังเอิญปาก้อนหินลงมา
เราพยายามแกะเรื่องนี้ เพื่อให้เห็นว่า ถ้าไม่ใช้ความรู้สึกตัดสิน ไปดูสถานที่ หาพยานหลักฐาน เราอาจได้ข้อมูลอีกแบบหนึ่ง ที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย มากกว่าการตัดสินด้วยความรู้สึก
แต่ไม่ว่าบทสรุปจะเป็นยังไง ... บนถนนเทพรักษ์สายนี้ ดูเหมือนว่า มีปัญหาที่กำลังรอการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ก่อนจะมีผู้โชคร้ายตามมาอีก ทั้งคนที่ผ่านไปมา และเยาวชนที่อาจเสียโอกาสเติบโต เพื่อกลับตัวกลับใจ