วันนี้ (18 พ.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมศุลกากร เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ กรณีโลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรดำเนินการเกินกว่าเหตุ หลังจับกุมผู้โดยสารหญิงไทย 2 คน ที่ซื้อนาฬิกาหรูจากต่างประเทศและใส่เข้ามาไทยจำนวน 2 เรือน รวมมูลค่ากว่า 1 ล้าน 3 แสนบาท โดยยืนยันว่าการจับกุมผู้โดยสารหญิงทั้ง 2 คน เพราะว่าใช้วิธีการลักลอบนำตัวเรือนนาฬิกาเข้าประเทศด้วยวิธีการใส่บนข้อมือ เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่
โดยจากการตรวจสอบพบว่าเป็นของใหม่ที่ยังไม่ได้มีการใช้งาน และพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเป็นผู้ค้าผ่านระบบออนไลน์ และลักลอบนำเข้าสินค้ามาหลายครั้ง ที่สำคัญผู้โดยสารทั้งสองคน ได้รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริง เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายศุลกากร
นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ย้ำว่ากรมศุลลากรยังอนุญาตให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้ามูลค่าไม่เกิน 2 หมื่นบาท นำเข้าจากต่างประเทศได้ แต่ต้องเป็นการใช้หรือบริโภคส่วนตัวเท่านั้น ต้องไม่ใช่นำเข้าเพื่อการค้าเพราะจะต้องภาษีศุลกากรและภาษีมูลค่าเพิ่ม ส่วนกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการนำสินค้าแบรนด์เนมออกนอกประเทศเพื่อใช้ส่วนตัวจะต้องแจ้งกรมศุลกากรทุกครั้ง เรื่องนี้รองอธิบดี
กรมศุลกากร ระบุว่า ตามระเบียบจะต้องแจ้ง แต่การปฏิบัติไม่ได้บังคับประชาชนจะต้องลงทะเบียนทุกครั้ง แต่หากจะนำไปใช้พร้อมกันหลายใบ โดยเฉพาะกระเป๋าก็ควรแจ้งเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ
สำหรับสถิติการจับกุมการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทนาฬิกา กระเป๋า และรองเท้า ของสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในปีงบประมาณ 2560 หรือจนถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมา สามารถจับกุมได้ทั้งสิ้น 136 คดี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 97.2 ล้านบาท
