วันนี้ (22 พ.ค. 60) เป็นวันครบรอบ 3 ปี การบริหารประเทศของ คสช. ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลยังคงเร่งอัดฉีดมาตรการรัฐ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ขยายตัว และผลักดันแผนการลงทุนเมกกะโปรเจคด้านการขนส่ง ควบคู่กับการปฎิรูปนโยบายต่างๆ เพื่อผลักดันให้จีดีพีขยายตัว 3.6 %
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนายการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย ให้คะแนนการทำงานของ คสช.ที่ 7 เต็ม 10 คะแนน โดยยอมรับว่าการบริหารงานของ คสช.เจอโจทย์ยากในเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน แต่หลายคนก็มองว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึงโดยเฉพาะในส่วนของเอสเอ็มอี และพ่อค้าแม่ค้าในต่างจังหวัด โดยในช่วงครึ่งปีหลังรัฐบาลต้องกระจายรายได้ การจ้างงานลงพื้นที่ต่างๆให้ทั่วถึง สร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว และเร่งรัดงบกลางปี ซึ่งยังมองว่าปีนี้เศรษฐกิจยังมีโอกาสขยายตัวได้ 3.5%
โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มองว่าปัจจัยต่างๆ ภายในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยภาพรวมไม่มีอะไรน่าห่วงเรื่องของการท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวต่อเนื่องใน 3-4 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้เกษตรกรมีกำลังซื้อที่ดีขึ้น
แต่นายสมคิด ยังมองว่าเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น จำเป็นต้องแก้จุดอ่อน ซึ่งจำเป็นต้องอัดฉีดเงินลงสู่ฐานรากมากขึ้น ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้จริงจัง ขณะนี้ กระทรวงการคลัง กำลังเร่งดำเนินการในส่วน ของการช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานรากอยู่ เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนก็ยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศและระบบเศรษฐกิจ
ในวันนี้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ จะแถลงตัวเลขภาวะการค้าระหว่างประเทศในช่วงบ่าย เบื้องต้นมีข้อมูลว่าการส่งออกในเดือนเมษายน มีมูลค่ากว่า 16,864 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.49 % ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวแล้ว 5.72% โดยมีการประเมินว่าการส่งออกยังมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกปีนี้ที่ 5%