ในจำนวน 33 วัดจาก 508 วัด เป็นการตรวจสอบงบประมาณด้านการบูรณะซ่อมแซมที่ได้รับจัดสรรจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพียงอย่างเดียว ยังไม่รวมงบประมาณศึกษาพระปริยัติธรรม และ กิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตำรวจ ปปป. เปิดเผยว่า 12 วัดที่พบความผิดปกติ ประกอบด้วย วัดพนัญเชิงฯ ปี 2557 – 2559 ได้รับเงินส่วนนี้ปีละ 10 ล้านบาท และพบการจ่ายคืนปีละ 8 ล้านบาท รวม 16 ล้านบาท สำหรับ วัดห้วยตาแกละ จังหวัดเพชรบุรีได้รับงบประมาณก่อนนี้ 2 ปีติดต่อกัน ปี 2556 ได้ 5,500,000 บาท จ่ายคืนกว่า 4,900,000 บาท ปี2557 ได้ 7 ล้านบาท จ่ายคืนกว่า 6,300,000 บาท ส่วน วัดที่จังหวัดลำปาง 5 วัด ได้ระหว่างปี 2557 ถึง 2558 ในจำนวนเท่ากันวัดละ 1 ครั้ง เป็นเงิน 4 ล้านบาท และพบยอดเงินจ่ายคืนอยู่ในจำนวนใกล้เคียงกัน คือ วัดละราว 3,200,000 บาท ขณะที่ วัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดลำพูนได้รับเงินอุดหนุนในปี 2556 จำนวน 6 ล้านบาท จ่ายกลับคืนกว่า 5,700,000 บาท
ส่วนวัดในจังหวัดอำนาจเจริญ 3 วัด 1 วัดคือ วัดโคกเลาะ ได้รับงบประมาณในปี 2556 กว่า 2 ล้านบาท จ่ายคืน 6 แสนบาท ส่วนวัดโพธิ์ศรี และ วัดพระศรีเจริญ ได้รับงบประมาณในปี 2556 และ 2557 โดยมีสัดส่วนจ่ายเงินคืนเกินกว่าครึ่งและสุดท้ายวัดราชบูรณะ จังหวัดชุมพร ได้รับงบประมาณรวม 19,700,000 บาท พบยอดเงินจ่ายคืนถึง 9,7000,000 บาท
เฉพาะการตรวจสอบ 12 วัด พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เปิดเผยว่า มีหลักฐานจนสามารถระบุผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 คน ในจำนวนนี้ 4 คน เข้ามารายงานตัวแล้ว ประกอบด้วย นางประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายนพรัตน์ เบญวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ข้าราชการระดับ 8 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนางสุภัชชา จันฤาไชย ส่วนอีก 4 คน คือ นางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสารสุทธิ์ อดีตนักวิชาการชำนาญสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายศิวโรจน์ ปิยะรัตน์เสรี อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านอ้อ จ.ลำปาง และ นายฐานพัฒน์ ม่วงทอง และน.ส.อุบล ดิษฐ์ด้วง คาดว่าหลบหนีไปต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว
พล.ต.ต.กมล เชื่อว่า หากขยายผลตรวจสอบไปยัง 508 วัด และวัดที่ได้รับงบประมาณอีก 2 ส่วน คือ งบประมาณเรียนพระปริยัติธรรม และกิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนา จะพบมูลค่าการทุจริตเพิ่มขึ้นมหาศาล โดยภายในสัปดาห์นี้ จะเปิดรายชื่อผู้เกี่ยวข้องในฐานะผู้ต้องหาได้อีก 2 คน
ตามขั้นตอนหลังจากนี้ บก.ปปป.จะรวบรวมหลักฐานส่งให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.พิจารณาความผิดในกลุ่มที่เป็นข้าราชการ ส่วนกลุ่มพระสงฆ์จะต้องคัดแยกกลุ่มที่รู้เห็นการทุจริตและได้ผลประโยชน์ร่วม กับ กลุ่มพระสงฆ์ที่ไม่มีเจตนา และจะกันกลุ่มหลังไว้เป็นพยาน
นายกนก แสนประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยอมรับว่า สาเหตุที่ทำให้ข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สามารถใช้ช่องโหว่ของระบบทุจริตเงินส่วนนี้ได้ เป็นผลมาจากขั้นตอนการตรวจสอบที่ไม่รัดกุม เพราะโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนถูกกำหนดให้ขั้นตอนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีอำนาจจัดเงินลงไปยังวัดต่างๆได้โดยไม่ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาระดับจังหวัด
รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังมีวัดอีก 2 พันแห่ง ทำโครงการของบประมาณเข้ามา ล่าสุดได้แก้ปัญหาและอุดช่องโหว่โดยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาโครงการ และกำหนดให้วัดขอผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาระดับจังหวัด