สาเหตุ ที่ได้ฉายา “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ก็เพราะบรรดา เพื่อน พ้อง น้อง พี่ ต่างเห็นว่า เป็นคนพูดจาอ่อนหวาน อ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นมือประสานสิบทิศ บางคนถึงกับบอกว่า นอกจากดาวและเดือน เขาสามารถจัดปัญหาให้ได้ โดยเฉพาะยิ่งกับคนที่เป็นผู้บังคับบัญชา
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เริ่มมีบทบาท ถูกจับตามอง และได้รับความเกรงใจจากคนทุกวงการ นับตั้งแต่เขาถูกย้ายจากรองผู้บังคับการตำรวจภูธรสงขลา ขึ้นเป็นรักษาการผู้บังคับการ ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ประสานงานนายกรัฐมนตรี ในปลายปี 2557 ทั้งๆ ที่เพิ่งเป็นรองผู้บังคับการ ได้ไม่ถึง 1 ปี และความจริง ก็คือ ทำหน้าที่ติดสอยห้อยตาม พล.อ.ประวิตร ต่อมาได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ของ สตช.ก้าวขึ้นเป็นผู้บังคับการ ไม่นานก็โยกเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว และตุลาคม 2559 ก็โยกมาเป็นผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และถูกร่ำลือว่ามีอิทธิพลต่อบัญชีโยกย้ายอย่างสูง
สำหรับ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 31 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 47 ปัจจุบันอายุ 47 ปี เป็นนายพลคนแรกของรุ่น แม้ช่วงแรกจะไม่ได้โดดเด่น หากเทียบกับเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่น แต่ถือม้าตีนปลายในช่วงเป็นผู้กำกับการ-ผู้บังคับการ เคยประสบมรสุมชีวิต ถูกตั้งกรรมการการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง ยุคพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็น ผบ.ตร.ที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เคยเป็นผู้ช่วยนายเวร สบ.3 ขณะเป็นที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงต้องจับดูว่าหลังปมเขย่าของนายวิทยาครั้งนี้ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ”