ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมชุดสืบสวน สภ.เกาะเต่าแจงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกครั้งว่า น.ส.เอลิส ผู้ตาย เคยมาเที่ยวและพักอาศัยอยู่บนเกาะพะงัน นานประมาณปีเศษ จะมาอยู่กับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีความเชื่อในลัทธิหนึ่งจากประเทศอินเดีย และมีกำหนดจะเดินทางกลับประเทศเบลเยียมในวันที่ 17 เมษายน แต่เปลี่ยนใจเดินทางเข้ามายังเกาะเต่าในวันที่ 19 เมษายน ซึ่งวันที่เข้าพักเป็นวันเดียวกับเหตุเพลิงไหม้บังกะโลที่พักโดยไฟไหม้บังกะโลไปจำนวน 3 หลัง ขณะเกิดเหตุ ผู้ตายวิ่งหนีหายไปและมีพยานพบเห็นว่าไปเข้าพักที่โพไซดอนบังกะโลใกล้กับจุดที่พบศพ
ส่วนประเด็นที่สื่อต่างประเทศรายงานว่าถูกตัวเงินตัวทองกัดกินไปครึ่งตัว ตำรวจยืนยันว่า ศพที่พบมีสภาพสมบูรณ์ทั้งตัว อยู่ในสภาพผูกคอลอยจากพื้นแขวนอยู่กับต้นไม้ ข้างกายพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง, กระเป๋าเงิน, ขวดเหล้า 1 ขวด และขวดบรรจุน้ำมันเบนซิน 1 ขวดและจดหมายเขียนด้วยลายมือ 1 ฉบับ ตำรวจได้เก็บไว้เป็นหลักฐานแล้ว
ทั้งนี้ตำรวจ ยังตรวจสอบพบว่าผู้ตายเคยเข้ารับการบำบัดจิตกับสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยาซึ่งตำรวจจะประสานขอประวัติการรักษาของผู้ตายจากโรงพยาบาลอีกครั้ง