เช้าวันนี้ ( 4 ก.ค.60) ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1201 ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารกัมพูชา ประจำจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ว่าทางรัฐบาลกัมพูชา โดยนายซอ เค็ง รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ได้แถลงการณ์เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 60 ที่กรุงพนมเปญว่า ทางรัฐบาลกัมพูชา ได้สั่งปิดช่องทางอนุโลมตามแนวชายแดน จ.บันเตียเมียนเจย จำนวน 43 จุด ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 60 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
โดยในคำสั่งอ้างว่าเพื่อป้องกันแรงงานชาวกัมพูชาที่ไม่มีเอกสารเดินทางลักลอบเดินทางเข้าไปทำงานในประเทศไทย เป็นการป้องกันชาวกัมพูชาไม่ให้ถูก เจ้าหน้าที่ไทยจับกุมและต้องถูกลงโทษตาม พ.ร.ก.แรงงานฉบับใหม่ของไทย- เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบขนสินค้าเถื่อนและสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ลักลอบข้ามเขตแดนออกไปประเทศไทย- และ เพื่อเป็นการเร่งรัดให้แรงงานชาวกัมพูชาไปทำพาสปอร์ตเพื่อเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย
จากคำสั่งดังกล่าวของรัฐบาลกัมพูชา ส่งผลให้บรรยากาศบริเวณช่องทางอนุโลมแรงงาน เงียบเหงา ไม่มีแรงงานชาวกัมพูชา เดินทางเข้ามารับจ้างทำงานภาคเกษตร แบบเช้ามา-เย็นกลับ ทำให้นายจ้างชาวไทยหลายคนต้องผิดหวังกลับไป
จากคำสั่งปิดช่องทางอนุโลมแรงงาน ไปเช้า-เย็นกลับ ของรัฐบาลกัมพูชาในครั้งนี้มีคำสั่งปิดเฉพาะชายแดน จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ 3 อำเภอของจังหวัดสระแก้ว คือ อ.อรัญประเทศ, อ.โคกสูง และ อ.ตาพระยา เท่านั้น ส่วนทางด้านชายแดนติดกับ จ.จันทบุรี,ตราด,บุรีรัมย์ หรือแม้แต่ จ.ศรีสะเกษ ก็ไม่ได้มีการสั่งปิดแต่อย่างใด
ด้านเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก ต้องทำงานหนัก หลังฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเมียวดี ของประเทศเมียนมาร์ ตรงข้ามบ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ขอให้ทางฝ่ายไทยส่งแรงงานเมียนมาร์ ที่ผิดกฏหมาย กลับไปทางด่านพรมแดนไทย - เมียนมาร์ จากเดิม แรงงานเมียนมาร์จะใช้เส้นทางผ่านพื้นที่ชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงบริเวณบ้านท่าอาจ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ต้องดูแลด้านอาหาร เครื่องดื่ม และตรวจสอบบุคคล จากนั้นจึงนำขึ้นรถยนต์เพื่อส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดเมียวดี ในเขตฝั่งเมียนมาร์ ซึ่งตอนนี้ยอดอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นคน