นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. กระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม หรือ แอลพีจี วันที่ 1 สิงหาคมนี้ว่า กระทรวงพลังงานยืนยันหลังการลอยตัวแอลพีจีจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน จากปัจจุบันราคาขายปลีกอยู่ที่ 20 บาท 49 สตางค์ต่อกิโลกรัม เพราะจะมีผู้นำเข้าแอลพีจีมาจำหน่ายในประเทศหลายราย เกิดการแข่งขันราคา ทำให้ราคาขายปลีกขั้นสุดท้ายถูกลง แต่หากราคาขายปลีกสูงขึ้นมากตามราคาต้นทุนตลาดโลก ก็จะมีกลไกกองทุนน้ำมันบัญชีแอลพีจีวงเงิน 6,000 ล้านบาทเข้ามาดูแล แต่การอุดหนุนก็ต้องอยู่ระดับเหมาะสม เพราะราคาแอลพีจีต้องเคลื่อนไหวตามต้นทุนราคาตลาดโลก นอกจากนี้ในส่วนของผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลจะคงมาตรการช่วยเหลือให้สามารถซื้อในราคา 18 บาท 13 สตางค์ต่อกิโลกรัมต่อไป ทั้งนี้ สนพ.จะเข้ากำกับดูแลกลไกการนำเข้าแอลพีจีหลังจากนี้ เพราะเชื่อว่าจะมีผู้นำเข้าหลายราย จึงต้องวางหลักเกณฑ์เพื่อไม่ให้เกิดการฮั้วกันของผู้ค้า จนราคาขายปลีกผิดปกติ หากพบปัญหาก็จะมีมาตรการลงโทษ
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีประกาศลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม หรือ แอลพีจี ที่จะเริ่มมีผลในวันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไปนั้นว่า กรมได้ออกประกาศตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร. ให้ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำก๊าซหุงต้ม ขนาดถัง 15 กิโลกรัม อยู่ที่ราคา 343 บาท โดยเป็นราคาที่รวมค่าขนส่งแล้ว ส่วนแนวโน้มในเดือนสิงหาคมนี้นั้นเชื่อว่าราคาก๊าซแอลพีจี ในตลาดโลกยังคงทรงตัวในระดับต่ำ และคาดว่าราคาในประเทศจะยังทรงตัว หรือหากราคาก๊าซหุงต้มปรับขึ้นตามราคาตลาด คาดจะปรับขึ้นเพียงถังละ 1 บาท 80 สตางค์เท่านั้นสำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม พร้อมยืนยันว่าการลอยตัวราคาแอลพีจีจะไม่กระทบกับราคาอาหารปรุงสำเร็จอย่างแน่นอน