ประเทศที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในลาตินอเมริกา เคยมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีจากทรัพยากรน้ำมัน ที่ปริมาณน้ำมันสำรองสูงกว่าประเทศไหนๆ บนโลก รายได้กว่า 95% ของเวเนซุเอลามาจากการส่งออกน้ำมัน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลซึ่งผูกขาดกิจการผลิตน้ำมันแบบเบ็ดเสร็จ ไม่ได้ให้ความสนใจกับอุตสาหกรรมน้ำมันของตัวเอง โดยเฉพาะการจ่ายเงินให้กับบริษัทลูก จึงทำให้น้ำมันที่ถูกผลิตออกมา ลดลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ราคาน้ำมันผันผวนอย่างรุนแรงในปี 2014 หลังจากประเทศสมาชิกโอเปกตัดสินใจไม่จำกัดกำลังผลิต ถึงตอนนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงไปกว่าครึ่ง และยังไม่มีท่าทีที่จะตีกลับขึ้นไปได้เหมือนก่อนอีกด้วย
สำหรับประเทศที่พึ่งพาการผลิตและราคาของน้ำมันในตลาดโลก ถือเป็นวิกฤตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และเวเนซุเอลายังต้องแบกรับวิกฤติด้านการเงินด้วย ทำให้ปัจจุบันประเทศที่เคยมีฐานะร่ำรวยที่สุดในทวีป มีเงินคงคลังเหลืออยู่เพียง 1หมื่นล้านดอลลาร์ เท่านั้น และกว่า 77% ของเงินคงคลังนี้ รัฐลงทุนไว้เป็นทองคำ ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลไม่สามารถนำเงินสำรองกว่า 7 พัน 7 ร้อยล้านมาใช้จ่ายได้ในระยะสั้น ขณะที่หนี้สินของประเทศสูงกว่า 7 พัน 2 ร้อยล้านไปแล้ว ด้วยเหตุผลเหล่านี้ สกุลเงิน โบลิวาร์ สูญเสียมูลค่าของมันไปแล้ว 99.8% ในระยะเวลาเพียงแค่ 5 ปี กองทุนการเงินระหว่างประเทศ เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อในเวเนซุเอลา ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมาทะยานขึ้นสูงถึงกว่า 800%
เมื่อเงินเฟ้อแตะระดับที่เรียกกันว่า “ซูเปอร์อินเฟลชั่น” แบบนี้ สิ่งต่อไปที่ค่อยๆ หายไป คืออาหารในประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก ยิ่งสถานการณ์บานปลายเท่าไหร่ กลุ่มผู้ประท้วงก็ยิ่งกล่าวโทษการปฏิวัติที่เกิดขึ้นโดยอดีตประธานาธิบดี อูโก้ ชาเวซ และการบังคับใช้นโยบายสังคมนิยมเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ขณะที่นายนิโกลาส มาดูโร่ ผู้นำเวเนซุเอลาคนปัจจุบัน และฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลยังคงเทิดทูนชาเวซเป็นรัฐบุรุษผู้กู้ชาติจากระบอบบริโภคนิยมที่ถูกมองว่าเป็นอิทธิพลของชาติตะวันตกที่เข้ามาครอบงำประเทศ ทำให้ปัจจุบัน เวเนซุเอลาเป็นประเทศที่มีดัชนีความทุกข์สูงที่สุดในโลกมาสามปีติด
กระแสการเมืองแบ่งแยกฝ่ายอย่างชัดเจนดูเหมือนจะไร้ทางแก้ โดยเฉพาะนับจากนี้ หลังจากรัฐบาลมาดูโร เดินหน้าการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่ฟังเสียงความเห็นต่าง ทำให้ตอนนี้ประเทศเวเนซุเอลาอยู่ภาวะสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะก้าวไปสู่ความรุนแรงจากการเผชิญหน้าระหว่างฝั่งรัฐบาลและฝั่งตรงข้าม