นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้รับมอบหมายให้หาแนวทางช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ โดยเฉพาะมาตรการจากธนาคารพาณิชย์ของรัฐบาล
นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. กล่าวว่าเบื้องต้น จะมีเงินจากภาครัฐฝากไว้เพื่อให้ ธพว.ปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ สำหรับลูกค้าในกลุ่มโอทอปและเอสเอ็มอีในต่างจังหวัด
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน จำกัด กล่าวว่า ธ.ออมสินเตรียมโครงการช่วยแก้ปัญหาความยากจนไว้ 4 โครงการ เน้นปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรากหญ้า ทั้งลูกค้ารายเก่า และรายใหม่ เช่นกลุ่มข้าราชการ พนักงานโรงงาน รวมเป็นเม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับโครงการเดิมที่มีอยู่มาใช้ใหม่แล้วคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำ
ส่วนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีแผนที่จะต่ออายุ โครงการพักหนี้ให้กับลูกหนี้ที่มีหนี้เงินกู้กับ ธ.ก.ส.รายละไม่เกิน 500,000 บาท เช่นกัน
นางอังคณา ปิลันธน์โอวาท ไชยมนัส กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส.อยู่ระหว่างเตรียมมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยโดยจะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาทั้งหมด 5 มาตรการ วงเงิน 25,500 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.สินเชื่อของขวัญปีใหม่ 58 วงเงินกู้เพิ่มอีก 3,000 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้กำหนดไว้แล้ว 5,000 ล้านบาท ซึ่งได้ปล่อยกู้ไปหมดแล้ว อัตราดอกเบี้ยปีแรก 0.78% 2.ธอส.เพื่อสานฝันคนที่มีรายได้น้อยปล่อยกู้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท 3.บ้าน ธอส.เพิ่มสุข เพื่อปรับปรุงบ้านและการซื้ออุปกรณ์ตกแต่งบ้านและ 4.โครงการบ้านเอื้ออาทร 5.สินเชื่อผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
ขณะที่กระทรวงคมนาคมได้เปิดเผยถึงการกำหนดมาตรการดูแลค่าครองชีพในโครงการรถเมล์และรถไฟฟรีรอบใหม่ ซึ่งรัฐบาลจะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2558 ว่าได้ให้คำนิยาม "ผู้มีรายได้น้อย" ซึ่งคือผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 2,422 บาท/คน/เดือน และจะได้รับสิทธิส่วนลดค่าโดยสาร 50 เปอร์เซ็นต์ ตามโครงการรอบใหม่ ตัวเลขดังกล่าวคำนวณจากการเปรียบเทียบรายได้ต่อหัวของประชากรเกษตรกับเส้นความยากจน ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เมื่อปี 2554
สำหรับผู้ที่สามารถใช้บริการฟรี ได้แก่ ผู้พิการ ผู้มีอายุเกิน 60 ปี เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี ทหารผ่านศึก พระภิกษุ สามเณร และแม่ชี และกลุ่มที่ได้รับส่วนลดค่าโดยสาร 50 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ ผู้มีรายได้น้อย นักเรียน นิสิต และกลุ่มคนว่างงาน
