วันนี้ (12 ส.ค.60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณฝนที่ตกหนักสะสมอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือ ทำให้มวลน้ำก้อนใหญ่ไหลหลากลงสู่แม่น้ำน่าน ประกอบกับเขื่อนหลักทางภาคเหนือเพิ่มการระบายน้ำออกลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านที่ไหลผ่านอำเภอเมืองพิจิตร เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และกระแสน้ำไหลเชี่ยวจนกัดเซาะดินริมตลิ่ง จนทำให้พื้นถนนคอนกรีตที่อยู่ริมแม่น้ำในหมู่ที่ 2 บ้านบึงตะโกน ตำบลท่าหลวง อำเภอเมืองพิจิตร ทรุดตัวเป็นระยะทางยาวกว่า 500 เมตร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลท่าหลวง ตำบลฆะมัง และตำบลบ้านบุ่ง เนื่องจากถนนคอนกรีตสายดังกล่าวเป็นเส้นทางลัดเชื่อมต่อเข้ามาในตัวเมืองพิจิตร และเป็นเส้นทางที่มีประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบลใช้สัญจรไปมาเป็นประจำ โดยนายอำเภอเมืองพิจิตร จะเร่งประสานงานไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมเจ้าท่า เพื่อหาแนวทางในการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังต่อไป
ส่วนที่จังหวัดอุบลราชธานี สถานการณ์น้ำท่วมยังคงน่าเป็นห่วง โดยทางจังหวัดได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติไปแล้ว 15 อำเภอ จากทั้งหมด 25 อำเภอ ประกอบกับมีการเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง แต่น้ำได้เข้าท่วมพื้นที่การเกษตรซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาข้าวและคาดว่าจะได้รับผลกระทบประมาณ 2 แสนไร่ ส่วนน้ำที่ท่วมขังบ้านเรือนประชาชนจากแม่น้ำมูลและแม่น้ำชี อาจต้องใช้เวลานานในการระบายน้ำ เพราะ จ.อุบลฯ เป็นพื้นที่รับน้ำสุดท้าย ก่อนระบายออกสู่แม่น้ำโขง
ขณะที่จังหวัดนครราชสีมา ชมรมดำน้ำร่วมกับอาสาสมัครจากองค์กรต่างๆ และชาวเมืองโคราช ได้ร่วมกันลำเลียงถุงยังชีพ น้ำดื่ม สิ่งของเครื่องอุปโภคและบริโภค รวมทั้งเรือยนต์ จัดเป็นขบวนคาราวานไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย น้ำท่วมใน จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งขณะนี้สามารถบรรจุถุงยังชีพได้กว่า 600 ชุด โดยขบวนคาราวานจะเดินทางไปมอบสิ่งของให้กับชาว จ.ร้อยเอ็ด เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านต่อไป