แม้จะมีตำรวจรักษาความปลอดภัยตลอด แต่คนใกล้ชิดพนักงานเต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ ผู้เคราะห์ร้ายถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุลั่นไกปลิดชีวิต ก็ยังไม่อาจทำใจ ยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ หลังรับรู้เหตุการณ์โดยละเอียดว่า คนร้ายมีพฤติกรรมเหี้ยมโหดเกินคนทั่วไป เพราะนอกจากจะใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าทรมานญาติของตัวเองระหว่างควบคุมตัวก่อนเสียชีวิต ยังมีเจตนาฆ่าทุกคนปิดปาก
สอดคล้องกับพ่อเจ้าของเต็นท์รถ เขาเปิดเผยว่า หากลูกชายไม่ไหวตัวทันตัดสินใจ ผลักคนร้ายและวิ่งหลบหนี ระหว่างที่กลุ่มคนร้ายนำตัวเขาและลูกน้องโยนทิ้งข้างทางเพื่อฆ่าปิดปากทีละคน เหตุการณ์ครั้งนี้จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 คน อย่างแน่นอน
จนถึงวันนี้เต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นต์ ยังไม่กล้ากลับมาเปิดบริการตามปกติ เพราะยังไม่อาจลบภาพในวันนั้น ที่กลายเป็นเหตุการณ์ฝังใจได้ ตามข้อมูลที่พ่อรับรู้เหตุการณ์จากลูกชาย ผู้ก่อเหตุมาด้วยกัน 7 คน แต่งกายแสดงสัญลักษณตำรวจ โดยอ้างว่า ขอมาตรวจทะเบียนรถ เมื่อเจ้าของเต้นท์รถขอให้แสดงบัตร ปฏิบัติการทั้งหมดก็เริ่มขึ้น ด้วยการใช้ปืนตีเจ้าของเต้นท์รถให้ล้มลง และจับไปรวมไปกับพนักงานเต้นท์รถที่ถูกควบคุมตัวอยู่ก่อนแล้ว 3 คน ก่อนจะใช้สายเคเบิลไทม์มัดมือไขว้หลัง และพาขึ้นรถกระบะคันที่ 5 ขับออกไป ก่อนแวะริมทางหวังฆ่าทั้งหมด
ผอ.สถาบันวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ วิเคราะห์ว่า รูปแบบการก่อเหตุครั้งนี้ กลุ่มก่อเหตุพัฒนารูปแบบจากปล้นรถครั้งละ 1 คัน มาเป็นโจรกรรมครั้งเดียวหลายคัน ประกอบกับ ข้อมูลที่ตำรวจแกะรอย ทราบว่า เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ร่วมกับขบวนการเดิม จึงเชื่อได้ว่า ความหมายที่แฝงอยู่ในการก่อเหตุครั้งนี้ คือ เพื่อยืนยันว่ากลุ่มของตัวเองว่า ยังคงอยู่หลังเกิดเหตุ เจ้าของเต็นท์รถและผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์ หลบไปพักอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
"พนักงานของเต็นท์รถมือสองแห่งนี้ ยืนยันว่า เจ้าของร้านสั่งปิดบริการชั่วคราว โดยยังไม่ทราบกำหนดว่าจะเปิดทำการวันใด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังคงสร้างความหวาดระแวงให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน"
พงษ์ศา เทพพิชัย ถ่ายภาพ
ธิดาพร ภูแดนแผน รายงาน