เกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ของสหรัฐฯ ประเมินว่ารัฐบาลกลางจะต้องใช้งบประมาณเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูความเสียหายจากพายุฮาร์วีย์ ไม่น้อยกว่า 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 4 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่ามากกว่างบประมาณที่ใช้ฟื้นฟูความเสียหายจากเฮอร์ริเคนคาทรินาเมื่อปี 2005 โดยครั้งนั้นใช้เงินไป 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ พายุฮาร์วีย์ยังทำให้กำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯหายไปเกือบ 24% เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันส่วนหนึ่งในรัฐเท็กซัส ซึ่งมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 4 ล้าน 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ต้องปิดทำการในช่วงน้ำท่วม และต้องใช้เวลาอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์กว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันเบนซิน ส่งผลต่อราคาน้ำมันในประเทศและตลาดโลก
ความเสียหายจากน้ำท่วมยังทำให้เกิดความกังวลว่าโรงงานสารเคมีในพื้นที่อาจเกิดระเบิดได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าระบบหล่อเย็นสารเคมีขัดข้อง โดยเมื่อวานนี้ ทางการได้สั่งอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัศมี 2 กม. จากโรงงานสารเคมี ออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย พร้อมสั่งประกาศให้น่านฟ้าบริเวณดังกล่าวเป็นเขตห้ามบินผ่านชั่วคราว
ล่าสุด มีรายงานเหตุระเบิดแล้ว 2 ครั้ง ที่โรงงานสารเคมีของบริษัท อาร์เคมา ในเมืองครอสบีย์ ทำให้เกิดกลุ่มควันดำหนาทึบปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ ตำรวจที่ดูแลความปลอดภัยในโรงงานถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 1 นาย หลังสูดดมควันไฟเข้าไป ส่วนที่เหลือเร่งอพยพออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย
แม้ว่าพายุโซนร้อนฮาร์วีย์ จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นแล้ว แต่คาดว่าพื้นที่กว่า 1 ใน 3 ของรัฐเท็กซัส ที่ยังจมอยู่ใต้น้ำ จะยังเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมต่อไปอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 37 คน
ขณะที่เมื่อวานนี้ ชาวเน็ตและสื่อหลายสำนักออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการแต่งตัวลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ของเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 หลังมีการเผยแพร่ภาพที่เธอสวมรองเท้าส้นเข็มขณะเดินออกจากทำเนียบขาว อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางถึงเมืองคอร์ปัสคริสตี ปรากฏว่า เมลาเนียได้เปลี่ยนมาใส่เครื่องแต่งกายที่ทะมัดทะแมงขึ้น และเปลี่ยนจากรองเท้าส้นเข็มมาใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวแทน