วันนี้ (4 ก.ย. 60) ทีมข่าวสามารถบันทึกภาพของดวงไฟประหลาด ที่ชาวบ้านหนองแสงและบ้านวังศิลา ตำบลชุมพลบุรี อำเภอชุมพลบุรี ต่างพากันออกมาเฝ้ารอดูบริเวณท้ายหมู่บ้าน โดยชาวบ้านบอกว่าช่วงเวลา 1-2 ทุ่มของทุกคืน จะมีดวงไฟประหลาดลอยขึ้นมา ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็ปรากฎดวงไฟลอยขึ้นอย่างช้าๆ ความสูงประมาณปลายยอดไม้ ลอยไปมาช้าๆ บริเวณดังกล่าว แต่เนื่องจากจุดที่ซุ่มดูอยู่ห่างจากดวงไฟลอยประมาณ 1 กิโลเมตร ทำให้มองไม่ชัดเจนว่าเป็นไฟอะไร แต่เมื่อซูมภาพเข้าไปใกล้จะเห็นดวงไฟเป็นสีส้ม
ผู้สื่อข่าวพยายามขับรถตามถนนกลางทุ่งนา เพื่อจะเข้าใกล้ดวงไฟ แต่ปรากฏว่าได้หายไป สอบถามนายชาลี ศาลางาม ชาวบ้านบ้านหนองแสง บอกว่า ดวงไฟดังกล่าว ลอยขึ้นบริเวณน้ำกุดหรือหนองน้ำสาธารณะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำมูลมากนัก โดยพบเห็นดวงไฟลักษณะนี้ประมาณ 1 เดือนแล้ว โดยจะลอยขึ้นมาประมาณ 10 นาทีแล้วหายไป แต่ไม่ใช่จะเห็นทุกคน บางคนมองไม่เห็นก็มี ในคืนหนึ่งจะลอยขึ้นมาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ชาวบ้านก็อยากรู้ว่าเป็นดวงไฟอะไร ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้กลัว แต่บางคนก็เชื่อว่าอาจเป็นผีโพง หรือผีกระสือ
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น พีพีทีวีนำภาพแสงไฟดังกล่างให้อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ว่าไฟดวงดังกล่าวเกิดจากอะไร ซึ่งอาจารย์เจษฎาวิเคราะห์ไว้ 3 หลักการคือ เกิดจากสิ่งมีชีวิตทางธรรมชาติจำพวกแมลง เช่น หิ่งห้อย หรือ เกิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาติ อาจจะเป็นแก๊สที่ลอยอยู่เหนือน้ำจนเกิดเป็นดวงไฟ และมีคนทำให้เกิดแสงไฟ เช่น ส่องไฟฉาย จุดตะเกียง หรือ จุดไฟในที่มืด
แต่จากการดูลำแสงการเคลื่อนไหว ลักษณะของสีและรูปทรงของดวงไฟที่ชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นกระสือ อาจารย์เจษฎา สันนิษฐานว่า ไม่น่าจะเป็นแสงจากแมลงและแก๊สจากธรรมชาติที่ลอยอยู่เหนือบ่อน้ำ การวิเคราะห์จากภาพคาดว่าเป็นแสงไฟที่มนุษย์ทำขึ้นมา คือ แสงจากตะเกียง ไม่ใช่ไฟฉาย เพราะมีการเคลื่อนไหวที่นิ่ง ส่วนลำแสงที่เป็นดวงกลม ๆ มีสีขาวในระยะไกลและเป็นสีส้มในระยะใกล้ น่าจะเกิดจากสารเคมีทางวิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อแหล่งกำเนิดการเปลี่ยนสี ซึ่งแสงอาจมีระยะไกลกว่าที่ชาวบ้านคาดคะเนว่า 1 กิโลเมตร เพราะในที่มืดมากๆแสงจะหลอกตาคนเรา
ทั้งนี้ อาจารย์เจษฎา ย้ำว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ถ้าในมุมมองวิทยาศาสตร์จะพิสูจน์กันใน 3 ลักษณะนี้
