ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปฏิบัติการล่าเงินทอนวัดครั้งนี้ เริ่มขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่พร้อมๆ กัน 14 จุด ใน 7 จังหวัดทั่วประเทศ จุดสำคัญแห่งหนึ่งของครั้งนี้ คือบ้านพักนายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา ในหมู่บ้านบางกอก บูเลอวาร์ด เทศบาลเมืองกระทุ่มล้ม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เพื่อหาหลักฐานการโอนเงินซื้อหุ้นสหกรณ์แห่งหนึ่ง และมีการซื้อทองสะสมไว้ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด โดยนายพนมนำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปง.และสรรพากร เข้าตรวจค้นภายในด้วยตัวเอง
พลตำรวจตรีกมล เหรียญราชา ผู้บังคับการการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป.เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้อายัดตู้เซฟที่บรรจุบัญชีเงินฝาก รายชื่อวัดที่ได้รับการอุดหนุนงบประมาณทั่วประเทศ ทองคำแท่งหนัก 80 บาท เงินสด และพระเครื่องเบญจภาคี จำนวนหนึ่งไว้ตรวจสอบหาที่มา
ส่วนจุดที่สองในจังหวัดนครปฐมคือบ้านพักนายพัฒนา สุดอำมาตย์มนตรี นักวิชาการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ พบเงินสดจำนวนมาก และบัญชีรายชื่อวัดที่ได้รับงบประมาณอุดหนุนทั่วประเทศ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท พร้อมแจ้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเบียดบังทรัพย์สินของรัฐเป็นของตัวเอง ตามมาตรา 147 กับนายพนมและนายพัฒนา ก่อนควบคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ ปปป.ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
ส่วนอีกจุดที่สำคัญก็คือผลการตรวจที่บ้านนางปราณี แจ่มเจริญ แม่นางพัธรนัน แจ่มเจริญ อดีตภรรยานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่หลบหนีคดี ในหมู่บ้านบุศรินทร์ ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี แต่พบเพียง คนดูแล บ้านหลังนี้เจ้าหน้าที่พบเงินสด 170,000 บาท พลอยเจียระไน 10 เม็ด จึงอายัดไว้ตรวจสอบหาที่มา
ส่วนที่ขอนแก่นพันตำรวจเอกวสันต์ เกศะรักษ์ ผู้กำกับการกอง 3 ปปป.และทหารจากมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นพักในหมู่บ้านสีวลี ถนนมะลิวัลย์ ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่นของนางมาดา ชัยเนตร อายุ 36 ปี ภรรยานายณรงค์เดช ชัยเนตร อดีตผู้อำนวยการกองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ก่อนอายัดสมุดบัญชีเงินฝากหลายเล่ม เงินฝากจำนวนมาก รวมทั้งบ้านหลังนี้ที่นางมาดาใช้เงินสดซื้อมาในราคา 6 ล้านบาท เมื่อปี 2558 พร้อมรถยนต์มูลค่า 8 แสนบาทเศษอีก 1 คัน นางมาดาอ้างว่าเงินที่ซื้อบ้าน ได้จากมรดกบิดา แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะพบความเคลื่อนไหว การโอนเงินซื้อหุ้นสหกรณ์แห่งหนึ่งและมีการซื้อทองสะสม มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
หลักฐานจากการปฏิบัติการร่วมครั้งนี้ ตำรวจ ปปป.จะนำส่งมอบให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้ ปปง.ตรวจสอบว่ามีความผิดมูลฐานการฟอกเงินหรือไม่ เพื่ออายัดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
สำหรับการตรวจทุจริตเงินทอนวัดเฟส 2 พบว่ามีวัดที่เสียหาย 23 วัด สูญเงินกว่า 141,761,200 บาท ซึ่งเสียหายมากสุดที่ 30 ล้านบาท คือวัดกวิศราราม รองลงมาคือวัดสุวรรณาราม 29,250,000 บาท วัดพิชยญาติการาม 17 ล้านบาท วัดบำเพ็ญเหนือ 10,400,000 บาท และวัดดาวดึงษาราม 10 ล้านบาท ล่าสุดมีรายว่าตำรวจจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 14 คน ในคดีทุจริตเงินทอนวัด แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อ หลังจากปฏิบัติการรอบแรกออกหมายจับไปแล้ว 10 รวมผู้ที่หลบหนีคือนายนพรัตน์