ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้นำระบบ E - Ticket มาใช้บนรถโดยสารธรรมดา หรือ รถเมล์ร้อน เพื่อรองรับการใช้บริการของประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป โดยในระยะแรกจะให้บริการ จำนวน 600 คันก่อน และจะทยอยเปิดให้บริการจนครบ 800 คัน ภายในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 โดยรถโดยสารที่รองรับการให้บริการจะมีสติ๊กเกอร์สีเขียวข้อความ “รถคันนี้รองรับระบบ E-Ticket และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ติดบริเวณกระจกด้านหน้า - หลังรถโดยสาร และบริเวณประตูทางขึ้น
ทั้งนี้ แบ่งการให้บริการเป็น 3 ประเภท คือ ประเภทแรก รถโดยสารธรรมดาที่ติดตั้งเครื่องอ่านบัตร มีจำนวน จำนวน 100 คัน ประเภทที่ 2 มีพนักงานเก็บค่าโดยสารให้บริการสมาร์ทโฟน จำนวน 250 คัน และประเภทที่ 3. ส่วนที่เหลืออีก 450 คัน ขสมก.จะให้พนักงานเก็บค่าโดยสารบันทึกหลักฐานผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ใช้บริการรถโดยสาร โดยผู้ถือบัตรฯจะต้องแสดง
ด้านการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมใช้งานเครื่องรับบัตรอัตโนมัติ หรือ เครื่อง EDC ที่สถานีรถไฟทุกแห่ง สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ทดแทนโครงการรถไฟฟรีพร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้มีบัตรสามารถซื้อตั๋วโดยสารเดินทางได้ทุกขบวน และทุกประเภทชั้นที่นั่ง ทั้งนี้ ประชาชนผู้ถือใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องนำบัตรฯ ที่มีชื่อ นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน และภาพถ่ายใบหน้าของตนเองมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ช่องขายตั๋วเพื่อซื้อตั๋วโดยสาร และต้องใช้สิทธิด้วยตัวเอง โดยบัตรสวัสดิการ 1 ใบ สามารถใช้ได้ 1 สิทธิ สามารถเลื่อนวันเดินทางได้ แต่ไม่สามารถคืนเงินค่าตั๋วโดยสารได้
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รฟม.จะสิ้นสุดการลดค่าโดยสาร และจะเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงในอัตราปกติ 14-42 บาท โดยยังคงยกเว้นค่าแรกเข้าเมื่อเดินทางเชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินเช่นเดิม หลังมีโปรโมชั่นลดราคาค่าโดยสารมา 14 เดือน โดยหากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ค่าโดยสารสูงสุดจะอยู่ที่ 70 บาท