วันนี้ (8 พ.ย.60) ผู้สื่อข่าวรายงายว่า ในงานเสวนา “สลากแพงแก้ไม่สำเร็จ ถึงเวลารีเซ็ทแล้วหรือยัง?” นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เปิดเผยว่า สาเหตุการแก้ปัญหาสลากแพงไม่สำเร็จ เกิดจากสำนักงานสลากฯเลือกวิธีพิมพ์สลากเพิ่ม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล เพราะสาเหตุหลักมากจากพ่อค้าคนกลาง หรือ ยี่ปั๊ว ที่กำหนดราคาขายต่อไว้สูง และส่วนหนึ่งเกิดจาก ผู้ที่ได้รับโควตาเอาสลากไปขายต่อให้ยี่ปั๊ว แล้วยี่ปั๊วเอามารวมชุดปล่อยต่อในราคาแพงเกิน 80 บาท จึงต้องการให้รัฐบาลทำตามแนวคิดที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศไว้ คือ ให้หยุดขายสลากชั่วคราว แล้วจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด ทั้ง การจัดระเบียบโควตาองค์กรต่างๆ และผู้ค้ารายย่อยใหม่ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ค้าสลากจริงเท่านั้น โดยกำหนดคุณสมบัติให้เป็นผู้ค้าเฉพาะผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ผู้มีรายได้น้อย และต้องขึ้นทะเบียนผู้ค้าทั้งหมด โดยรัฐต้องกำหนดจำนวนสลากที่ชัดเจนว่า ต้องการรายได้จากกิจการสลากเท่าใด ไม่ให้ประชาชนเล่นสลากเกินงวดละเท่าใด รวมถึงต้องตรวจสอบว่ามีการทุจริตทำให้สลากแพงหรือไม่ และสุดท้ายคือต้องประชาสัมพันธ์รณรงค์สร้างค่านิยมการเล่นพนันให้ถูกต้อง และไม่ให้ประชาชนซื้อสลากเกินราคา
ด้านนายราเมศร ศรีทับทิม เครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลาก ระบุว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเครือข่ายฯได้ออกสำรวจตลาดการค้าสลาก 12 พื้นที่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง พบว่า สลากขายเกินราคาแพงที่สุดใบละ 130 บาท ขณะที่สลากรวมชุดมากที่สุด 15 ใบ ขายราคา 2,700 บาท หรือเฉลี่ยใบละ 180 บาท ส่วนสลากขายยกเล่มพบราคาขายอยู่ที่ 8,100 บาท โดยในช่วงที่ผ่านมาสำนักงานสลากฯมีมาตรการลดเวลารับสลากเพื่อแก้ปัญหารวมชุด ทำให้ผู้ค้าสลากมีเวลาขายน้อยลง ซึ่งเสี่ยงต่อการขายสลากไม่หมด อาจเป็นเหตุให้ต้องขายสลากแพงมากขึ้น เพื่อเฉลี่ยต้นทุนสลากที่ขายไม่หมด ซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาสลากแพงได้