กองทัพเมียนมาร์เผยรายงานผลการสอบสวนเป็นการภายใน เกี่ยวกับวิกฤตโรฮิงญาในพื้นที่รัฐยะไข่ ทางตอนเหนือของประเทศ โดยยืนยันว่า ทหารของกองทัพไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกปล้นทรัพย์สินและเผาบ้านเรือนประชาชน การข่มขืนเด็กและผู้หญิง รวมไปถึงการสังหารผู้บริสุทธิ์ ตามที่ถูกกล่าวหา
การเผยแพร่รายงานดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่ชั่วโมงหลังจากที่ทางกองทัพได้สั่งย้ายพลตรี หม่อง หม่อง โซ ผู้บัญชาการกองกำลังภาคตะวันตกในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดวิกฤตผู้อพยพโรฮิงญา โดยไม่มีการเปิดเผยสาเหตุแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ร่วมของชาติสมาชิกอาเซียนที่ออกมาภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ ไม่ได้มีการระบุถึงการลี้ภัยของชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่เป็นการเฉพาะเจาะจง โดยส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุถึง ความสำคัญของการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติในเวียดนาม ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุสู้รบกับกลุ่มมุสลิมติดอาวุธในประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงชุมชนที่ได้รับผลกระทบในรัฐยะไข่ของเมียนมาร์
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ได้กล่าวระหว่างการประชุมอาเซียนเมื่อวานว่า พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมาร์ในการแก้ปัญหารัฐยะไข่ ขณะที่ นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ระบุว่า ตนได้พูดคุยกับนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาร์ ถึงชะตากรรมที่เลวร้ายของชาวมุสลิมโรฮิงญา ซึ่งแคนาดาพร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อแก้วิกฤติดังกล่าว
ด้าน นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ได้พบปะกับนางซูจี นอกรอบการประชุมอีสต์เอเชียซัมมิตในวันนี้เช่นกัน โดยภายหลังการประชุม ทิลเลอร์สัน ปฏิเสธที่จะตอบคำถามนักข่าวซึ่งถามว่า ได้ส่งสารถึงผู้นำเมียนมาร์หรือเปล่า
ทั้งนี้ นายทิลเลอร์สัน มีกำหนดที่จะเดินทางเยือนเมียนมาร์อยู่แล้วในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะมีการหารือกับนางซูจี รวมถึงนายพลมิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาร์ด้วย