กลุ่มกบฏฮูตีเปิดเผยว่า นักรบของกลุ่มได้ยิงถล่มขบวนรถของนายอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ อดีตประธานาธิบดีเยเมน ด้วยกระสุนปืนและจรวดอาร์พีจี จนเสียชีวิต ที่จุดตรวจนอกกรุงซานา เมืองหลวง เมื่อวานนี้ ขณะที่บนสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพและคลิปที่ระบุว่าเป็นร่างของนายซาเลห์ ซึ่งถูกห่อด้วยผ้าสีแดงและเผยให้เห็นบาดเผยบริเวณศีรษะระหว่างถูกนำขึ้นรถบรรทุก ด้านพรรค General People’s Congress หรือ GPC ของนายซาเลห์เอง ก็ออกมายืนยันข่าวการเสียชีวิตของอดีตผู้นำที่เคยปกครองเยเมนมานานกว่า 32 ปี เช่นกัน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 2 วัน หลังจาก นายซาเลห์ ประกาศหยุดให้การสนับสนุนกลุ่มฮูตี และยอมเปิดทางหารือสันติภาพกับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทำให้กลุ่มกบฏฮูตีไม่พอใจ โดย นายอับดุล มาลิก อัล-ฮูตี หัวหน้ากลุ่มฮูตี ได้ออกมาแถลงว่า นายซาเลห์ถูกสังหารเพราะ “ทรยศ” ต่อทางกลุ่ม
สำหรับ นายซาเลห์ เป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการทำให้เยเมนเข้าสู่สงครามกลางเมือง โดยหลังจากกระแสปฏิวัติอาหรับสปริงส์ได้ทำให้ประชาชนชาวเยเมนลุกฮือประท้วงและขับไล่เขาออกจากตำแหน่งในปี 2012 สองปีต่อมา นายซาเลห์ก็ได้จับมือกับกลุ่มกบฏฮูตีที่เคยสู้รบเป็นศัตรูกันมาก่อน ร่วมกันยึดกรุงซานา และขับไล่ประธานาธิบดีอับดู รับบู มันซูร์ ฮาดี จนต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ซาอุดีอาระเบีย
หลังจากนั้น ซาอุดีอาระเบียและชาติพันธมิตรอาหรับอื่นๆ ก็ได้ผนึกกำลังทำสงครามกับกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ตามคำขอของประธานาธิบดีฮาดี เพื่อปกป้องรัฐบาลที่มีความชอบธรรม จนกลายเป็นสงครามกลางเมืองซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วนับหมื่นคนและนำมาซึ่งวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดในโลก โดยประชาชนกว่า 7,000,000 คน ตกอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหาร และกว่า 1,000,000 คนป่วยเป็นอหิวาตกโรค
การสังหารนายซาเลห์โดยกลุ่มฮูตีถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของสงครามกลางเมืองที่ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 3 และทำให้โอกาสที่สันติภาพจะกลับคืนสู่เยเมนยิ่งน้อยลงไปอีก เพราะกลุ่มผู้สนับสนุนนายซาเลห์จะต้องหาทางแก้แค้นอย่างแน่นอน โดยสถานีโทรทัศน์อัล-เอกบารียาของซาอุดีอาระเบีย รายงานว่า ลูกชายของนายซาเลห์ ได้ออกมาเรียกร้องขอให้แก้แค้นและทวงคืนเยเมนกลับมาจากกลุ่มกบฎฮูตี เช่นเดียวกับประธานาธิบดีฮาดี ก็ได้ออกมาแถลงเรียกร้องให้ชาวเยเมนลุกขึ้นต่อต้านกลุ่มฮูตี และให้ชาติพันธมิตรเปิดฉากใหม่ในการต่อสู้
ขณะที่นายสเตฟาน ดูยาร์ริช โฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ แถลงว่า สหประชาชาติไม่สบายใจอย่างยิ่งต่อเหตุรุนแรงครั้งล่าสุด ซึ่งยิ่งทำให้สถานการณ์การเมืองในเยเมนซับซ้อนขึ้นไปอีก