การประกาศลาแผงหนังสือของ “นิตยสารดิฉัน” และ “นิตยสารคู่สร้างคู่สม” ที่นำเสนอเนื้อหาดีๆ สู่สังคมไทยยาวนานถึง 40 ปี และ 38 ปี ยิ่งตอกย้ำการเปลี่ยนผ่านจากโลกการอ่านจากกระดาษสู่ดิจิทัล
การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เริ่มเห็นเค้าลางจากเม็ดเงินโฆษณาที่ขยับจากสื่อสิ่งพิมพ์ไปอยู่ในสื่อดิจิทัล ข้อมูลของ “เพจเฟซบุ๊กลงทุนแมน” ระบุว่า ในช่วงปี 2555-2559 เม็ดเงินค่าโฆษณาของนิตยสารลดลงจาก 5,221 ล้านบาท เหลือเพียง 2,977 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลดลงกว่า 43% ในระยะเวลา 5 ปี ในขณะที่สื่อหนังสือพิมพ์ลดลง 35% จาก 15,183 ล้านบาท เหลือ 9,841 ล้านบาท
โดยเม็ดเงินโฆษณาเหล่านี้ย้ายเข้าสู่กลุ่มสื่อโฆษณาออนไลน์ที่ชื่อว่า Digital Advertising ซึ่งช่วงเวลาที่เม็ดเงินค่าโฆษณาบนสื่อสิ่งพิมพ์ลดลง เม็ดเงินค่าโฆษณาบนสื่อดิจิทัลก็เพิ่มขึ้นกว่า 255% จาก 2,783 ล้านบาท ไปสู่ 9,883 ล้านบาท สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรของบริษัทในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะที่รายได้ และกำไรของ บริษัท เฟซบุ๊ก ผู้เป็นเจ้าของ เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ในปี 2557 มีรายได้อยู่ที่ 405,135 ล้านบาท กำไร 95,548 ล้านบาท รายได้ปี 2558 อยู่ที่ 582,645 ล้านบาท กำไร 119,857 ล้านบาท และรายได้ปี 2559 อยู่ที่ 898,213 ล้านบาท กำไร 332,044 ล้านบาท คาดว่าปี 2560 รายได้ของเฟซบุ๊กจะแตะหลักล้านล้านบาท
พฤติกรรมการใช้งานด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านออนไลน์ สอดคล้องกับรายงานล่าสุดของ Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุดเดือนพ.ย.60 ซึ่งระบุว่า การใช้งานรับส่งข้อมูลผ่านมือถือทั่วโลกปี 2560 อยู่ที่ 14 เอกซะไบต์/เดือน และคาดการณ์ว่าจะขยับเป็น 110 เอกซะไบต์/เดือน ในปี 2566 ทำให้เป็นที่น่าจับตาว่าเทรนด์การใช้งานแบบไหนที่โดนใจคนออนไลน์ ปี 2561
นายวุฒิชัย วุฒิอุดมเลิศ หัวหน้างานฝ่าย Network Solutions บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุดซึ่งเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 28 พ.ย.60 ระบุว่า ข้อมูลไตรมาส 3 ปี 2560 พบว่า ทั่วโลกมีจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ 7.8 พันล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งโลกประมาณ 7.5 พันล้านคน ซึ่งมีคนที่เข้าสู่การใช้งานระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ LTE (Long Term Evolution) หรือที่เรียกว่า 4จี ใหม่จำนวน 170 ล้านคน จากคนที่ใช้งานระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ LTE ทั้งโลก 2.5 พันล้านคน และมีการเติบโตของผู้ที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนคิดเป็น 57% จากการคาดการณ์ระบุว่า ในปี 2566 ทั่วโลกจะมีผู้สมัครใช้งาน LTE จำนวน 5.5 พันล้านคน
“LTE จะเป็นเทคโนโลยีหลักในการเชื่อมต่อของการเข้าถึงเทคโนโลยี และจะเข้ามาแทนที่ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบจีเอสเอ็ม ซึ่งวันนี้ผู้ใช้งานระบบ LTE มีอัตราเติบโตมากและต่อเนื่อง” นายวุฒิชัย กล่าว
สำหรับประเทศไทยปี 2560 มีผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ 95 ล้านเลขหมาย คาดว่าในปี 2566 จะมีผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ 115 ล้านเลขหมาย คิดเป็นผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ทโฟน 100 ล้านเลขหมาย ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรประมาณ 66 ล้านคน
ปี 2561 เต็มอิ่มกับเทคโนโลยี LTE
จากผลการสำรวจการเข้าถึงสัญญาณโทรศัพท์โดยใช้คนเป็นตัวชี้วัด พบว่า ในปี 2560 มีการเข้าถึงระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ LTE คิดเป็น 55 % ซึ่งในปี 2566 จะมีอัตราการเข้าถึง 85% และการใช้งานระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งให้สัญญาณที่ดี ให้ข้อมูลและภาพที่คมชัดจะทำให้ผู้ใช้งานไม่กลับไปใช้งานระบบสัญญาณที่ให้ประสิทธิภาพน้อยกว่า และด้วยความสามารถในการรองรับการใช้งานด้านข้อมูลของ LTE พบว่า การใช้งานข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือของคนทั้งโลกในปี 2560 รวมกันอยู่ที่ 14 เอกซะไบต์/เดือน หากเทียบกับการชมวิดีโอสตรีมมิ่งความละเอียดสูง จะชมได้เป็นระยะเวลารวม 700 ปี ซึ่งเพิ่มขึ้น 6% จากปี 2559 ซึ่งมีการใช้งานอยู่ที่ 7.3 เอกซะไบต์/เดือน ส่วนในปี 2566 คาดว่าจะมีการใช้งานข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือของคนทั้งโลกอยู่ที่ 110 เอกซะไบต์/เดือน หรือคิดเป็นการชมวิดีโอสตรีมมิ่งความละเอียดสูง ได้เป็นระยะเวลารวม 5.5 ล้านปี
อ่าน : ปี’66 ทั่วโลกใช้ข้อมูลผ่านมือถือ 110 เอกซะไบต์/เดือน
ขณะที่การใช้งานระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยเทคโนโลยีจีเอสเอ็ม (GSM) อยู่ในระดับที่ถึงขีดสูงสุดของความสามารถแล้ว และในปี 2566 จะอยู่ที่ขีดความสามารถในการใช้งานเกิน 95 % ล่าสุด ทุกภูมิภาคทั่วโลกมีการใช้งานจีเอสเอ็มลดลงกว่า 50 % โดยปีหน้าทุกภูมิภาคจะมีเทคโนโลยี LTE เป็นเทคโนโลยีหลัก ปัจจุบันอเมริกามีการใช้งานเทคโนโลยี LTE แล้ว 79 % ส่วนในเอเชีย ได้แก่ เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน มีการใช้งานเทคโนโลยี LTE แล้ว 48 %
สำหรับการใช้งานเทคโนโลยี 5G จะเริ่มใช้งานเชิงพาณิชย์ในปี 2562 โดยประเทศที่จะทยอยใช้งาน ได้แก่ อเมริกา เกาหลี จีน และญี่ปุ่น เป็นต้น
เทรนด์การใช้งานปี’61 “ยูทูบ-เฟซบุ๊กไลฟ์-ไลน์ทีวี” มาแรง
การเติบโตของการใช้งานข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือของคนทั้งโลก ซึ่งคาดการณ์ว่า ปี 2566 จะมีการใช้งานข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ 110 เอกซะไบต์/เดือน โดยมีการเติบโตของการใช้ข้อมูลคิดเป็น 8 เท่า และมีการใช้งานสมาร์ทโฟนถึง 95 % จากข้อมูลระบุว่า ส่วนใหญ่ใช้งานวิดีโอมากถึง 75 % ตามมาด้วยการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ ฟังเพลง เข้าเว็บไซต์ ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ และอื่นๆ
หัวหน้างานฝ่าย Network Solutions อีริคสัน มองว่า แนวโน้มการใช้งานที่จะมาในปี 2561 โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทย คือ การใช้งานยูทูบ เฟซบุ๊กไลฟ์ และไลน์ทีวี สอดคล้องกับการคาดการณ์ที่ว่า “วิดีโอ” เป็นสิ่งที่ถูกใช้งานมากที่สุดในการสำรวจการใช้งานข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือ ขณะที่โครงข่ายการใช้งานในประเทศไทยมีความพร้อมที่จะรองรับการใช้งาน
“ความสามารถของเน็ตเวิร์คจะทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป วันนี้เรารับชมข้อมูลที่ให้ภาพและเสียงคุณภาพสูง สมองเราก็ผ่านการรับรู้ข้อมูลเหล่านี้มาแล้ว หากได้ชมคลิปวิดีโอที่มีภาพและเสียงไม่ชัด กระตุก จะทำให้สมองปฏิเสธที่จะรับชม และเกิดความรำคาญ จึงเป็นเรื่องยากที่จะกลับไปใช้เทคโนโลยีเดิม” นายวุฒิชัย หัวหน้างานฝ่าย Network Solutions อีริคสัน กล่าว
นอกจากนี้ นายวุฒิชัย กล่าวว่า จากผลการวิจัย กลุ่มผู้บริโภคใน Gen Y (Millennials) จะเป็นกลุ่มหลักที่มีแนวโน้มในการบริโภควิดีโอ หรือรับชมวิดีโอ ซึ่งคิดเป็นจำนวนกว่า 6 เท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุ 45 ขึ้นไป โดยพฤติกรรมในการรับชมวิดีโอตามต้องการ ( VDO streaming on-demand) สำหรับกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มหลักนี้ มีจำนวน 28% ที่เชื่อมต่อเป็นเวลา 1-3 ชั่วโมงต่อวัน และ 17% ที่เชื่อมต่อเป็นเวลา 3-6 ชั่วโมงต่อวัน
ส่วนแอพพลิเคชั่นสำหรับ วิดีโอ (VDO streaming ) ที่ใช้งานกันอยู่ก็มีหลากหลาย เช่น YouTube, NetFlix, Line TV, TrueVisions Anywhere, AIS Play, Facebook Live และแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ ดังนั้นจะเห็นว่าการใช้งานจะขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ที่เป็นที่สนใจของผู้บริโภค ที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มของแอพพลิเคชั่นต่างๆ
ทั้งนี้ การใช้งาน ยูทูบ (Youtube) ในไทยปี 2560 พบว่า ติด Top 10 ยอดผู้ชมสูงสุดในโลกและ 2 ใน 3 ดูบนโทรศัพท์มือถือ โดยคนไทยอัพโหลดยูทูบเกิน 1 ล้านชั่วโมงต่อปี แต่ในไทยที่มาแรงคือคอนเทนต์จากรายการทีวี และจำนวน 55 ช่อง ของ Youtube Content Creator ในไทยที่มียอด Subscribe เกินหนึ่งล้าน
ส่วนเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในไทย ทั้งผู้ใช้งานทั่วไป และสำนักข่าว ข้อมูลปี 2560 ระบุ ประเทศไทยมีคนใช้งานเฟซบุ๊ก (Facebook) ประมาณ 47 ล้านคน เป็นอันดับ 9 ที่มีผู้ใช้งานมากสุดในโลก โดยกรุงเทพฯ มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กประมาณ 27 ล้านคน รองลงมาคือชลบุรี เชียงใหม่ และนครราชสีมา ตามลำดับ ขณะที่ช่วงเวลาที่คนไทยใช้เฟซบุ๊กมากที่สุดคือ 18.00-23.00 น. ของวันทำงานทุกวันสำหรับการใช้งานเฟซบุ๊กทั่วโลกมีผู้ใช้งาน 1.93 พันล้านคน (อ่านข่าว : วัยรุ่นแห่เล่น “ทวิตเตอร์” ควบคู่ “เฟซบุ๊ก” เพื่อหนีพ่อแม่ )
ขณะที่ไลน์ทีวี (LINE TV) เป็นช่องทางที่ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือของไทยให้ความสนใจ จากข้อมูลไลน์มีผู้ใช้งาน 33 ล้านคน ทำให้การเข้าถึงช่องทางการนำเสนอของไลน์ทีวีเป็นไปได้ง่าย ข้อมูลไตรมาส 4 ปี 2560 มีผู้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชันไลน์ทีวี 14 ล้านดาวน์โหลดแล้ว
คนทั่วโลกขยับการใช้แพ็คเกจรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้น
จากรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับเดือนพ.ย.60 ระบุว่า แพ็คเกจการใช้บริการรับส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนเครือข่ายมือถือ หรือ mobile broadband ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือ แพ็คเกจที่มีการใช้งานจำกัดอยู่ในช่วง 2-5 กิกะไบต์ (GB)/เดือน การบริโภคข้อมูลผ่านเครือข่ายมือถือที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเลือกใช้แพ็คเกจที่สูงขึ้นแต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ได้ต้องการใช้งานรับส่งข้อมูลทางเครือข่ายเคลื่อนที่ที่สูงมากอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการในการใช้งานของผู้บริโภคมีความหลากหลายค่อนข้างมาก ซึ่งข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการเก็บข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟน ทำให้เห็นถึงแนวโน้มการใช้งานแพ็คเกจ รวมถึงเทรนด์ปริมาณการรับส่งข้อมูลจากผู้ใช้งานจริงในปัจจุบัน โดยในระยะเวลา 12 เดือน ผู้ใช้งาน 6-7 % ปรับแพ็คเกจการใช้งานรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายมือถือให้เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 GB/เดือน
ขอบคุณภาพจาก AFP