นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช. ยืนยันว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขอถอนตัวออกจากการพิจารณาคดีนาฬิกาหรูเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และป้องกันข้อครหา ส่งผลให้เหลือ กรรมการป.ป.ช.ร่วมพิจารณาคดีนี้ 8 คน จากเดิมที่มีอยู่ 9 คน
ทีมข่าวพีพีทีวีสอบถามไปที่นางสุวณา สุวรรณจูฑะ หนึ่งในกรรมการป.ป.ช. ว่าหากการลงมติเหลือเพียง 8 คน ในทางปฏิบัติจะมีผลอย่างไร และคะแนนเสียงลงมติเสมอกัน 4 ต่อ 4 จะดำเนินการอย่างไร ได้รับคำอธิบายว่า ตามกฎหมายป.ป.ช.ระบุให้การลงมติใดก็ตาม ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของคณะกรรมการทั้งหมด หรือแปลว่าต้องได้เสียงมากกว่า 5 เสียงขึ้นไป
ยกตัวอย่างเช่น หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะลงมติว่า พล.อ.ประวิตร มีความผิดฐานปกปิดบัญชีทรัพย์สินในที่ประชุมจะถามว่า “คณะกรรมการเห็นว่ามีความผิดจริงตามที่เจ้าหน้าที่เสนอมาหรือไม่” ถ้าผลออกมามีมติ 4:4 จะเท่ากับว่า พล.อ.ประวิตร “ไม่มีความผิด” เนื่องจาก มีคณะกรรมการเพียง 4 คน มองว่า เข้าข่ายมีความผิดตามที่เจ้าหน้าที่เสนอ คือ ไม่เกินกึ่งหนึ่งของคณะกรรมการ นั่นหมายความว่า ยิ่งมีกรรมการลงมติน้อยลงมากเท่าไหร่ โอกาสที่มติที่ประชุมจะชี้มูลความผิดก็น้อยลงด้วย
ขณะที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มานาฬิกา นายวรวิทย์ ชี้แจงว่า ขณะนี้ได้สอบถามข้อเท็จจริงจากบุคคลที่ถูกเชื่องโยงและอ้างถึงเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงคนเดียว โดย 1 คนที่เหลือ นายวรวิทย์ ใช้คำว่า เป็นบุคคลสำคัญต่อคดี และไม่ใช่บุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว เพราะได้ขยายความว่า ป.ป.ช.ได้นัดหมายบุคคลนี้พูดคุยในสัปดาห์หน้า เพราะเวลานี้ติดภารกิจอยู่ในต่างประเทศ ขณะเดียวกันต้องรอการตอบรับจากตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาในประเทศ 13 แห่ง ที่ป.ป.ช.ขอความร่วมมือไป พร้อมทั้งขอให้พล.อ.ประวิตรชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนาฬิกาเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 3 ด้วย
นอกจากนี้เลขาธิการป.ป.ช.ไม่ยืนยันว่า นาฬิกาหรูที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบมีทั้งหมด 25 เรือน หรือไม่ เพราะบางเรือนที่ถูกเปิดเผยภาพในโลกออนไลน์ไม่ชัดเจน แต่คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้คณะกรรมการป.ป.ช.ได้ภายในเดือนภุมภาพันธ์
สำหรับการแถลงข่าววันนี้มีความโกลาหลเกิดขึ้นในช่วงท้ายของการแถลงข่าว เพราะ มีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ใช้นามแฝงว่า เอก อัตถากร พยายามเข้าไปขอมอบรูปภาพเชิงสัญลักษณ์ที่มีลักษณะเสียดสีการทำงานของป.ป.ช. และพล.อ.ประวิตร แต่สุดท้ายถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเชิญตัวออกไปนอกห้องแถลงข่าว
