วันนี้ (6 ก.พ.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ พร้อมครอบครัวและทีมทนายความ เดินทางถึงกองบังคับการปราบปราม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และเมื่อถูกถามว่า รู้สึกอย่างไรที่คดีถูกโอนย้ายมาให้กองบังคับการปราบปราม ร.ต.ท.จรูญ ระบุว่า สบายใจขึ้นที่คดีนี้ หลุดจาก ตำรวจภูธรภาค7
โดยทันทีที่ ร.ต.ท.จรูญ พบกับ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ใช้เวลาช่วงหนึ่งพูดคุยกัน ก่อนที่ พล.ต.ท.ฐิติราช จะแถลงข่าว ซึ่งระบุว่า หลังจากนี้จะปะติดปะต่อคดีใหม่ทั้งหมด นำผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าเครื่องจับเท็จ และจะดูหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก โดยไม่สนใจรายละเอียดที่ทำให้เรื่องซับซ้อนและพิสูจน์ไม่ได้
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นอีกคนที่เดินทางมายื่นหลักฐานเพิ่มเติมในคดีนี้ ให้กองบังคับการปราบปราม โดยหลักฐานมีทั้งคลิปวิดีโอ คลิปเสียงสนทนาระหว่างครูปรีชากับแม่ค้าขายลอตเตอรี และ เสียงเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้านนายอัจฉริยะ ระบุว่า หลักฐานเหล่านี้ ทำให้เชื่อถือได้ว่าครูปรีชาไม่ใช่เจ้าของตัวจริง และหมดเวลาสำหรับครูปรีชาแล้ว พร้อมประกาศว่าไม่กลัวหากถูกฟ้องกลับ
ขณะที่หลังจากนี้ ชุดสืบสวนของกองบังคับการปราบปรามจะนำพยานที่เกี่ยวข้องไปสอบปากคำ พร้อมขอเวลาทำคดีให้แม่นยำ และจะออกมาแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งเมื่อข้อมูลเริ่มมีความชัดเจนว่า ใครเป็นเจ้าของลอตเตอรีรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ตัวจริง ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า คดีนี้มีความซับซ้อน และต่อไปคดีที่เกี่ยวกับการสวมสิทธิ์เป็นเจ้าของสลากกินแบ่งฯ ตำรวจสอบสวนกลางจะรับทำคดีเอง และจะจับคนเกี่ยวข้องทั้งหมด