วันนี้ (7 ก.พ.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กำลังตามติดชีวิต เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งภารกิจในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะออกเดินลาดตระเวน ตั้งแต่หน่วยพิทักษ์ป่า เขาปันโส ไปสิ้นสุดที่หน่วยพิทักษ์ป่าไซเบอร์ ซึ่งเส้นทางนี้ เจ้าหน้าที่ ระบุว่า มีการคุกคามจากคนภายนอกค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นวันนี้อาจจะพบกับพรานที่ลักลอบเข้ามาล่าสัตว์ ตัดไม้ โดยการลาดตระเวณครั้งนี้ ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า 5 นายและปืนข้างกายเพียง 3 กระบอก ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกก้าวย่างของพวกเขา คือการเฝ้าระวัง หลังจากที่เดินทางเข้ามาในป่าลึกได้สักพักนึง จู่ๆ เจ้าหน้าที่ก็ทิ้งสัมภาระกองไว้หมดเลย เหมือนกับว่าจะเจออะไร
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนลูกซอง เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าภายในป่าลึกแห่งนี้ ยังมีการล่าเกิดขึ้น แม้ครั้งนี้เจ้าหน้าที่จะไม่พบการกระทำผิดซึ่งหน้า แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็นับว่าโชคดีที่เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเสี่ยงกับการปะทะ เพราะหลายคนระบุว่า นอกจากปริมาณคนจะไม่เพียงพอแล้ว อาวุธปืนที่มียังถือว่าล้าสมัยกว่าพรานสมัยใหม่มาก
โดย น.ส.วีรยา โอชะกุล หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เปิดเผยว่า คิดว่าคนที่ทำผิดเป็นอาชีพ เขาทราบอยู่แล้ว แล้วปืนก็ทันสมัยกว่า คุณภาพก็ดีกว่า และมีจำนวนอาวุธมากกว่า บางครั้งเจ้าหน้าที่ไปมีปืนอยู่ 2 กระบอก ไปเจอเขามี 5 คน อาวุธครบมือ คุณภาพสูงกว่าพวกตน 10 เท่า ถ้าหากต้องไปบังคับใช้กฏหมายใช้อำนาจจับพวกคนเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ก็ขาดความมั่นใจ เพราะไม่ทราบว่าจะรักษาชีวิตตัวเองได้หรือไม่
ขณะที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งมีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 1.7 ล้านไร่ แต่มีเจ้าหน้าที่ป้องกับรักษาป่าเพียง 220 คน นั่นหมายความว่า เจ้าหน้าที่ 1 คน ต้องรับผิดชอบพื้นที่ป่าราว 7000 ไร่ สถานการณ์เช่นนี้ไม่ต่างจากผืนป่าที่อื่นๆนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า เป็นข้อจำกัดที่ไม่อาจยกระดับปราบปรามกลุ่มล่าสัตว์ได้อย่างเข้มข้น
ปรารถนา พรมพิทักษ์ : รายงาน